สำหรับคนทำงานแล้ว ช่วงเที่ยงเรามีเวลาไม่มาก แต่ถ้าหากอยากให้มื้ออาหารเป็นสิ่งจรรโลงใจบ้างหลังจากที่เราคร่ำเคร่งกับหน้าจอคอมฯมาหลายชั่วโมงแล้ว วันนี้เราจะพาไปลองเซ็ตอาหารกลางวัน Express Lunch Menu ของร้าน Madison ที่โรงแรม Anantara Siam Bangkok ซึ่งมาพร้อมคุณภาพ วัตถุดิบ และบริการที่ดีเยี่ยม ทำให้เรารู้สึกอย่างกับได้ไฟน์ไดนิ่งในมื้อกลางวันแบบรวบรัดและไม่เยิ่นเย้อ

S__64192518.jpg
มุมโต๊ะอาหารสำหรับ 2 ท่าน ที่ Madison Restaurant โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ

ร้าน Madison Restaurant ชั้น 1 โรงแรมอนันตราสยามกรุงเทพฯ เป็นร้านแนะนำสำหรับชาวออฟฟิศที่อยู่ในย่านสีลม สาทร สามารถแวะไปทานตอนพักเที่ยงได้สบาย ที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ Steakhouse ที่มีความเก่าแก่ เปิดคู่กับโรงแรมมายาวนาน ในช่วงค่ำจะเสิร์ฟอาหารจานเดี่ยวสุดพิถีพิถันสมกับคุณภาพของโรงแรม 5 ดาว พร้อมบรรยากาศสุดโรแมนติก ส่วนในช่วงกลางวันจะมีเมนูเซ็ตอาหาร ที่มีถึง 3 แบบให้เลือก ตั้งแต่เซ็ตเล็ก – กลาง – ใหญ่ โดยเริ่มต้นที่ 945 บาท ++ ซึ่งแค่เซ็ตเริ่มต้นนี้ ก็มีเมนูจานเนื้อและซีฟู้ดสด ๆ ซุป ขนมปัง ที่ตักได้แบบบุฟเฟต์ ถือว่าคุ้มค่ามากและอิ่มจุใจแน่นอน

บอกเลยว่าบทความนี้ไม่มีสปอนเซอร์ และเราก็เลือกเซ็ตอาหารกลางวันแบบเซ็ตใหญ่ จึงสามารถรีวิวได้อย่างครบถ้วน ตามมาดูบรรยากาศร้าน และรีวิวอาหารแบบละเอียด ๆ จานต่อจานกันได้เลย

S__64192515.jpg

เซ็ตอาหารกลางวัน (Express Lunch Menu) มีทั้งหมด 3 แบบให้เลือก

1. One Course – Salad Buffet (945 บาท ++) : เลือกรับประทานอาหารจากสลัดบาร์อย่างเดียว ซึ่งก็มีเมนูหลากหลาย ทั้งเนื้อสัตว์นานาชนิด ซุป สลัด ขนมปัง ชีสหลากชนิด และพาสต้า

2. Two Course – Choice of a main course (1,045 บาท ++) : รับประทานอาหารจากสลัดบาร์ และเลือก Main course 1 อย่าง ซึ่งเป็นสเต็กเนื้อต่าง ๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ ปลา

3. Three Course – Choice of a main course and a dessert (1,095 บาท ++) : รับประทานอาหารจากสลัดบาร์ เลือก Main course 1 อย่าง และ ของหวาน 1 อย่าง

S__64192517.jpg

บรรยากาศในร้านเรียบหรู มีดอกไม้สดประดับบนโต๊ะให้ความสดชื่น การตกแต่งให้อารมณ์ร่วมสมัยผสมผสานความคลาสสิก มีทั้งโต๊ะใกล้สลัดบาร์ มุมโต๊ะแบบโซฟา และแบบริมหน้าต่างติดสวน พร้อมพนักงานบริการอย่างทั่วถึง

S__64192519.jpg

ก่อนจะเริ่มตักอาหารที่สลัดบาร์ พนักงานจะมาเสิร์ฟขนมปังร้อน ๆ กรอบนอก นุ่มใน พร้อมเนยรสจืด ซึ่งทุกอย่างขอเพิ่มได้ตลอด ขนมปังด้านซ้ายที่มีสีเขียว ๆ คือ Garlic bread ซึ่งหอมและเค็มกำลังพอดี ส่วนทางขวาคือขนมปังบรีออช (Brioche) ที่หอมกรุ่น

ที่ชอบมากคือ Corn dip หรือ ดิปข้าวโพด ทางด้านซ้าย เอาไว้ทากับขนมปัง กลิ่นข้าวโพดชัดเจนมาก เนื้อสัมผัสเบา ๆ แบบมูส เค็มหอมมันครบรส แบบซุปข้าวโพดอร่อย ๆ เลย

S__64192520.jpg

ที่มุมสลัดบาร์ มีเมนูหลายอย่าง ซึ่ง Caprese Salad หรือ สลัดมะเขือเทศย่างกับชีสมอซซาเรลลา ถือว่าทำได้ดีทีเดียว เมนูต่าง ๆ ที่สลัดบาร์มีความหลากหลาย นำมาตั้งทีละปริมาณไม่มาก โดยเชฟจะทำออกมาใหม่เพื่อเติมอยู่เสมอ ทำให้อาหารมีความสด น่ารับประทาน

S__64192521.jpg

กุ้งต้มของที่นี่ดีงามมาก เนื้อเด้ง กรอบ แน่น สด แกะเปลือกให้ทั้งตัว ต้มมาแบบสุกพอดี ๆ คนชอบกุ้งรับรองต้องชอบ ตักได้ไม่อั้น สำหรับใครที่เลือกทานสลัดบาร์เพียงอย่างเดียว แค่ตักกุ้งไปกิน ก็ฟินแล้วค่ะ

ที่นี่ยังเอาใจลูกค้าคนไทย ด้วยนำ้จิ้มซีฟู้ดจัดจ้าน หรือจะเป็น lemon ฝานสดที่มีให้ลูกค้า บีบลงบนเนื้อกุ้งฉ่ำ ๆ สไตล์ฝรั่งก็ได้รสชาติไปอีกแบบ

S__64192522.jpg

Beef salad เนื้อวัวหั่นแบบลูกเต๋า เนื้อนุ่มหอม ให้ความรู้สึกถึงเนื้อชั้นดีที่มาพร้อมนำ้สลัดและผัก ทำออกมาได้อร่อยและลงตัวมาก

S__64192523.jpg

Chicken Salad คือสิ่งที่ให้ความว้าว เมื่อกัดลงบนเนื้อไก่คำแรกก็สัมผัสได้ถึงความนุ่ม ไร้มันของอกไก่ เนื้อชุ่มฉ่ำไม่แห้ง เสริมด้วยรสชาติละมุนของซอสที่เข้ากันลงตัวเป็นที่สุด

S__64192524.jpg

วันที่เราไปที่นี่เป็นวันพุธ ซุปประจำวันคือ ซุปเห็ด ซึ่งเขานำเห็ดไปปั่นละเอียด ไม่ได้มีเนื้อเห็ดในซุป โดยทั่วไปเวลารับประทานซุปครีมเห็ดไปเยอะ ๆ จะรู้สึกเลี่ยน แต่ของที่นี่ไม่เป็นเลย ซุปไม่หนืดข้น หรือได้กลิ่นนมจนเกินไป กลิ่นของเห็ดชัดเจน ถ้าใครชอบโรยพริกไทยดำป่นด้านบน สามารถเรียกพนักงานให้มาป่นสด ๆ ที่โต๊ะได้เลย

74586276_2809745969055829_3044813001736585216_o.jpg

มุมผักสลัด นำมาวางปริมาณไม่มาก เพื่อไม่ให้ผักโดนอากาศจนเสียรสชาติ โดยพนักงานจะคอยนำมาเติมให้ตลอด ส่วนในขวดโหลด้านขวา ยังมีผลไม้อบแห้งไว้โรยบนสลัด หรือจะตักไปทานเล่นเปล่า ๆ ก็ได้

75594337_2809745992389160_4924276220721364992_o.jpg

ชีสหลากหลายชนิด ทานพร้อมแครกเกอร์หรือผลไม้อบแห้ง หรือจะทานเปล่า ๆ ก็ได้รสชาติแท้ ๆ จากวัตถุดิบชั้นดี

S__64192525.jpg

ที่พิเศษและหาได้ยากจากสลัดบาร์ตามร้านอาหารอื่น ๆ คือ ปูนิ่มอันแสนกรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน สามารถนำไปวางบนสลัด หรือทานเล่นก็ดีทั้งนั้น

S__64192528.jpg

เมื่อเราเพลิดเพลินกับเมนูบนสลัดบาร์สักพักแล้ว พนักงานจะมาถามว่าให้เสิร์ฟ Main course เมื่อไร และแจ้งให้ทราบว่าจะพร้อมเสิร์ฟภายในกี่นาที วันนี้มากัน 2 คน จึงสามารถรีวิว Main course ได้ 2 จานเลยค่ะ

Main course นี้คือ Grilled Lamb Chops (300 กรัม) ซี่โครงแกะย่าง ราดซอสพร้อมครีมเปรี้ยว พริกระฆัง และพริกไทยดำ สามารถเลือกความสุกของเนื้อแกะได้ แนะนำให้สั่งแบบ medium rare เพื่อที่เนื้อจะได้นุ่มชุ่มฉ่ำ และได้รสชาติหวานจากเนื้ออย่างเต็มที่

เมนูนี้เสิร์ฟพร้อม Mint sauce ที่เหมือนเจลลี่สีเขียว ๆ รสชาติสดชื่น ตัดเลี่ยน และลดกลิ่นสาบของเนื้อแกะได้ดี แต่ขอบอกว่า ร้านนี้ทำเนื้อแกะได้ดีจนเมื่อรับประทานเปล่าๆ ก็ไม่ได้กลิ่นสาบนะคะ ส่วนซอสอีก 2 อย่างคือ มัสตาร์ด และมัสตาร์ดแบบมีเม็ด สำหรับสเต็กเนื้อค่ะ

S__64192530.jpg

Main course นี้คือ Grilled Beef Tenderloin (300 กรัม) สเต็กเนื้อสันใน ที่สั่งความสุกของเนื้อแบบ Medium rare เช่นกัน รับประทานพร้อมกับมันฝรั่ง ซอสครีมสีเขียวที่ทำจากสมุนไพรนานาชนิดที่ให้รสหวานละมุน และหัวหอมใหญ่ผัดรสชาติเข้มข้นถึงเนื้อใน จานนี้ถือว่าทำได้ดีมากจนอยากจะเคี้ยวช้าๆ เพื่อลิ้มรสความหอมหวานของเนื้ออันนุ่มชุ่มฉ่ำ และกลิ่นย่างไฟ แค่เนื้ออย่างเดียว ไม่ต้องไปผสมกับซอสก็อร่อยแล้ว เพราะเนื้อได้ผ่านการหมักมา มีรสชาติเค็มนิดๆ ในตัวเอง

S__64192531.jpg

ระดับความสุกแบบ Medium rare ของร้านนี้ จะทำออกมาลักษณะนี้ค่ะ นุ่มและหวานทีเดียว มีความแดงของเนื้ออยู่ชัดเจน บางส่วนที่ใช้มีดหั่นจะยังมีเลือดปนนิดหน่อยนะ

S__64192533.jpg

เมื่อลิ้มรสอย่างถูกปากถูกใจกับ Main course ไปแล้ว พนักงานจะเข้ามาถามถึงเมนูชาและกาแฟที่จะเสิร์ฟพร้อมขนมหวาน คนละ 1 แก้ว ซึ่งก็สั่งได้หมด ไม่ว่าจะเป็นแบบ Americano, Cappuccino, Latte หรือจะเป็นชามินต์ อู่หลง ชาดำ ชาเขียว ชามัทฉะ มีสารพัดให้เลือก

ในที่นี้เราเลือกชามินต์แบรนด์ Dilmah แบบ tea bag และ กาแฟดำ Americano

S__64192535.jpg

ในเมื่อมากัน 2 คน เราก็จะได้ของหวาน 2 อย่าง จานนี้คือ Bitter Chocolate Cake เสิร์ฟพร้อม Crispy Nougatine Tuile และ ไอศกรีมวานิลลา เนื้อเค้กหวานไม่มาก กำลังพอดีทีเดียว แต่อาจจะรู้สึกแห้งเล็กน้อย และความเข้มข้นของรสช็อกโกแลตยังไม่เข้มข้นมากเท่าไร ส่วนไอศกรีมวานิลลาอร่อยมาก

S__64192536.jpg

ของหวานจานนี้คือ Deconstructed Red Velvet Cake เสิร์ฟพร้อม Crispy Chocolate Tuile และ Raspberry Coulis จานนี้ขอชมว่าตัวเนื้อเค้กหอมสดชื่นมาก เสริมด้วยซอสกลิ่นเบอร์รี่ก็ยิ่งฟินเข้าไปอีก ทานพร้อมชาหรือกาแฟที่มีรสขม ตัดกับรสหวานจากเค้ก นับเป็นการตบท้ายมื้ออาหารอย่างสมบูรณ์ พร้อมลุยงานต่อในช่วงบ่ายแบบมีความสุขจริง ๆ ค่ะ

Opening hours
Breakfast: 6.00 am – 10.30 am
Lunch: 12.00 noon – 2.30 pm
Dinner: 6.00 pm – 10.30 pm
Sunday Brunch: 11.30 am – 3.00 pm madison.asia@anantara.com +66 2 126 8866

Text&Photos by Achima

อัญวรรณ ทองบุญรอด นักเขียน/นักดนตรี เจ้าของผลงานหนังสือ 'เวียนนา ลาทีโด' นอกจากเล่นเชลโลแล้ว ยังชอบออกเดินทางคนเดียวอยู่เสมอๆ มิวเซียม ตลาดของเก่า ร้านกาแฟ และเมืองที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมเก่าแก่คือสถานที่ที่เธอชอบไป