ทริปนี้ไม่ได้ไปศัลยกรรม ไม่ได้ไปทุบหน้า หรือเติมฟิลเลอร์ใดๆ และเกาหลีก็ไม่ได้มีแค่นี้ค่ะ การไปโซลของเราครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้ว่าคนเกาหลีใส่ใจเรื่องความงามภายนอกก็จริง แต่ข้างในก็ไม่ได้กลวง พวกเขายังสนใจศิลปะ ดีไซน์ และแฟชั่นแบบไม่ฉาบฉวย ซึ่งนั่นทำให้การเที่ยวในเมือง “โซล” เป็นเรื่องสนุกมาก
โซล (Seoul) เป็นชื่อเมืองหลวงของเกาหลีใต้ แต่มันดันไปพ้องกับการอ่านออกเสียงคำว่า Soul ที่แปลว่าจิตวิญญาณ สำหรับเราแล้ว การมาที่โซลก็เหมือนกับการมาสัมผัสถึงจิตวิญญาณและความคิดเบื้องลึกที่มันซุกซ่อนอยู่ในการใช้ชีวิตของผู้คน และบรรยากาศภายในเมือง ซึ่งมันดีมากๆ เลยค่ะ
และถ้าคุณคาดหวังจะเจอคอนเทนต์เกี่ยวกับแหล่งทุบหน้า เติมฟิลเลอร์ใดๆ ก็ตาม บล็อกนี้ไม่มีนะ เราจะพาไปเที่ยวโซลในแบบของคนรักศิลปะกันค่ะ แล้วก็แถมให้อีกนิดตามประสาผู้หญิง ก็คือเรื่องช็อปปิ้งเนี่ยล่ะ
ครั้งนี้เราบินแบบสบายๆ กับ Korean Air ยิงตรงจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินนานาชาติอินชอนที่กุรงโซลเลยค่ะ และด้วยความที่ได้ราคาดีจาก Traveloka เราเลยจอง business class ไปเลย เพราะบินยาว 5 ชั่วโมงกว่าๆ ก็อยากจะลองนั่งๆ นอนๆ ให้สบายตัวกันบ้าง และเมื่อได้ลอง เราก็บอกกับตัวเองเลยว่า ชีวิตนี้ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะเก็บตังซื้อตั๋วชั้น business ให้ได้อีก เพราะมันทำให้การเดินทางเหนื่อยน้อยลงเยอะเลย
เบาะเอนราบนอนได้ มีที่ให้เสียบปลั๊กชาร์จแบตมือถือ แล้วก็มีอาหารเกาหลีอร่อยๆ ยังไม่ต้องไปถึงเกาหลี ก็ได้สัมผัสความเป็นเกาหลีตั้งแต่บนเครื่องแล้วค่ะ
จองตั๋วเครื่องบินไปโซลกับ Traveloka >> https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Seoul.SEOA/1
และ
อ่านรีวิว Korean Air Business class ได้ในบล็อก Traveloka >>
https://blog.traveloka.com/th/internatonal-trip/korean-air-business/
ส่วนการตะลุยย่านฮิป ย่านอาร์ต ในโซล เราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเป็นหลักค่ะ เพราะไปถึงได้เกือบทุกที่ในเมืองหลวงอย่างสะดวกสบาย เขาบอกว่ามีสถานีมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก รองจากนิวยอร์กเลยทีเดียว โดยทั้งหมดแบ่งเป็น 8 สาย รวมกว่า 328 สถานี ว้าว!
นอกจากการซื้อบัตรเที่ยวเดียวในแต่ละครั้งที่เดินทางแล้ว เราแนะนำให้ทุกคนซื้อบัตร T-money เอาไว้จะดีกว่า สามารถกดซื้อได้จากตู้ขายบัตรในสถานีรถไฟใต้ดินเลย เป็นเหมือนบัตรเติมเงิน ให้เราทยอยเติมเงินไว้เท่าที่จะใช้ก็ได้ค่ะ แล้วทุกครั้งที่เข้าสถานี ก็เพียงแค่แตะบัตร เงินในบัตรก็จะถูกหักไป ตอนออกจากสถานีก็แตะอีกทีนึง สะดวกมาก ไม่ต้องมาคอยซื้อตั๋วใหม่ทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังใช้ขึ้นรถเมล์ก็ได้ จ่ายค่าโดยสารกับรถแท็กซี่ก็ได้ หรือจะซื้อของในร้านสะดวกก็ได้อีกเช่นกัน
เมื่อมีบัตรใบนี้แล้ว เราก็พร้อมเดินทางกันแล้วค่ะ มาดูกันว่า La Vie en Road พาไปฮิปสเตอร์ที่ไหนกันบ้าง
1.Seoul Museum of Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะกรุงโซล ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ City Hall อยู่ใจกลางกรุงโซลเลย ตัวอาคารเป็นอาคารเก่าของกงสุลเบลเยี่ยมที่ได้รับการรีโนเวทใหม่ แต่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมคลาสสิกแบบปี 1900 ไว้ ด้านในจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย วันที่เราไปเขาจัดแสดง David Hockney
Seoul Museum of Art
เปิดอังคาร-ศุกร์ 10.00-20.00น. / เสาร์-อาทิตย์ 10.00-19.00น. ปิดวันจันทร์ ลงสถานีรถไฟใต้ดิน City Hall ทางออก 10
——————————–
2.Oil Tank Cultural Park
นี่คือสวนแห่งวัฒนธรรมที่นำ Tank น้ำมันมาทำเป็นพื้นที่แห่งความรู้ มีอยู่ประมาณ 6 แทงค์ในนั้น และต้นไม้ใหญ่เยอะมาก รวมถึงสนามทรายและสนามหญ้า ซึ่งมีของเล่นเด็กเพียบ เราจึงเห็นครอบครัวพาเด็กๆ มาวิ่งเล่นที่นี่เต็มเลย
ที่นี่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนกันยายน 2017 แต่ละแทงค์ก็จะแบ่งเป็นโซนต่างๆ กัน เช่น ตรง Glass Pavilion เป็นฮอลล์สำหรับจัดการแสดงหรือนิทรรศการด้วยเพดานกระจก บางแทงค์ใช้จัดการแสดงแบบเอาท์ดอร์ แล้วก็ยังมีห้องประชุมและคาเฟ่เกร๋ๆ ด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นโซนที่สร้างมาจากของเสียไม่ใช้แล้ว นำกลับมารีไซเคิลเป็นวัสดุใหม่ ถือว่าเป็นอาร์ตสเปซที่ผสานดีไซน์เข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
Oil Tank Cultural Park
วิธีเดินทาง: รถไฟใต้ดินลงสถานี World Cup Stadium แล้วเดินต่อประมาณ 900 เมตร
——————————–
3.Dongdaemun Design Plaza

ดงแดมุนดีไซน์พลาซ่า ชื่อย่อของที่นี่คือ DDP ใครไม่มาที่นี่ถือว่าพลาดมากเลยค่ะถ้ามาเที่ยวโซล เพราะแค่ตัวตึกก็ดีไซน์ล้ำมากๆ แล้ว ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังอย่าง ซาฮา ฮาดิด (Zaha Hadid) ข้างในตึกก็มีการจัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียนอยู่ตลอด รวมถึงโซนช็อปขายของดีไซน์เก๋ๆ ส่วนตอนกลางคืน ข้างนอกมีสวนกุหลาบ LED ที่มวลมนุษย์พากันแห่ไปถ่ายรูป แถมด้วยการเดินช็อปปิ้งตลาดกลางคืนต่อได้อีกจ้า
วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินสถานี Dongdaemun History & Culture Park Station
——————————–
4.Hannam-dong / Yongsan-gu
ฮันนัมดง และยงซาน เป็นชื่อของย่านฮิปในโซลที่อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งเราอยากให้คุณแวะไปใช้เวลาสักวันนึงเต็มๆ เพราะมีทั้งคาเฟ่ ร้านหนังสือ และแกลเลอรี่เก๋ๆ มากมาย
ร้านกาแฟที่เราอยากแนะนำคือ Sayoo ร้านกาแฟสุดฮิตของย่านนี้ ชื่อร้านแปลว่า “การครุ่นคิด” เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟและปล่อยความคิด มองวิวสวยๆ นอกร้านไปเพลินๆ ที่นี่มีทั้งหมด 4 ชั้น ได้แก่ ชั้น 1 เป็นที่รับออร์เดอร์กาแฟ ชั้นใต้ดินเป็นห้องมืดๆ เงียบๆ มีที่นั่งกับพื้นและหมอน บางครั้งใช้เป็นที่จัดนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ ในขณะที่ชั้น 3 เปลี่ยนฟีลไปเลย เพราะเป็นห้องกระจก เห็นวิวสวยด้านนอก และมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามา ชั้น 4 คือโซน Art Gallery จัดที่นั่งแบบเท่ๆ มีกล่องแบบวินเทจ แล้วก็ชั้นดาดฟ้า ซึ่งมีส่วนของบาร์เอาไว้นั่งจิบแชมเปญอีกด้วย
วิธีเดินทาง: ลงรถไฟใต้ดินสถานี Hangangjin (สาย 6) Exit 3
———————————
4.Ehwa Womans University
มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก อยู่ในย่านซอแดมุน เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่หลายๆ คนนิยมมาเก็บภาพกัน เพราะดีไซน์ของตึกแต่ละตึกในมหาวิทยาลัยนั้นล้ำเลิศมาก สวยและถ่ายรูปสนุก คนที่ชอบถ่ายรูปธรรมชาติและสถาปัตยกรรม มาเดินที่นี่จะเจอมุมถ่ายเยอะมาก เช่น กำแพงกระจก บันไดใหญ่ๆ ตรงด้านหน้า แถมในฤดูใบไม้ร่วง จะมีใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งมหาวิทยาลัยเลย มาได้ตั้งแต่ 10.00-17.00น. แต่เขาจะปิดช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์จ้า
ถ่ายรูปเสร็จแล้ว เดินออกไปนอกมหาวิทยาลัยจะเต็มไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง ผู้หญิงมาจะกรี๊ดมาก เพราะเสื้อผ้าเอยอะไรเอย จะเน้นของผู้หญิง ทั้งสวยและราคาไม่แรง
Ehwa Womans University
วิธีเดินทาง: รถไฟใต้ดินสถานี Ehwa Womans University Exit 2
———————————
6.Hongdae
ดูงานอาร์ตและดีไซน์แบบเนี๊ยบๆ ตามแกลเลอรี่-คาเฟ่มาเยอะแล้ว เราอยากให้ทุกคนมาสัมผัสความอาร์ตที่มีชีวิตในย่านฮิปอย่างฮงแดกันบ้างค่ะ ฮงแดคือย่านมหาวิทยาลัย อยู่แถวมหาวิทยาลัยฮงอิก Hongik University เป็นแหล่งช็อปปิ้งเสื้อผ้าวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์สตรีท และรวมแบรนด์โลคอลของเกาหลีไว้เต็ม เราก็จะได้เห็นแฟชั่นดีไซน์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ว่าคนเกาหลีเขาชอบแต่งตัวแบบไหน หรือบ้าคลั่งแฟชั่นอะไรกันบ้างตอนนี้
ส่วนในช่วงกลางคืนก็จะยิ่งคึกคักมาก เพราะการแสดงความสามารถบนท้องถนน เราก็จะได้เจอเด็กๆ เกาหลีที่มีพรสวรรค์ ทั้งการร้องเพลง เล่นดนตรี เต้น บางคนก็เอาเพลงที่แต่งเองออกมาโชว์ มาเล่น แล้วก็มีคนมานั่งให้กำลังใจเต็มเลย
วิธีเดินทาง: รถไฟใต้ดินสถานี Hongik University
——————————–
7.Myeong-dong
ข้อสุดท้ายนี้เอาใจสายช็อปโดยเฉพาะ มาที่นี่ต้องระวังอย่างเดียวเลยคือเงินในกระเป๋าจะละลายหายไปกับการช็อปปิ้งอย่างไม่รู้ตัว เมียงดงก็เหมือนสยามสแควร์บ้านเรา มีของทุกอย่างที่อยากตามล่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า เรียกได้ว่ารวมสกินแคร์ทุกแบรนด์ของเกาหลีมาไว้ที่นี่ และตอนกลางคืนจะมีถนนทั้งเส้นที่เต็มไปด้วย สตรีทฟู้ดอร่อยๆ ไม่ต้องพูดเยอะ ไปดูรูปกันเล้ย
วิธีเดินทาง: ลงรถไฟใต้ดินสถานี Myongdong