บาร์เซโลนา เมืองท่องเที่ยวสุดฮอตแห่งแคว้นคาตาลุญญา (Catalunya) ของสเปน คือเมืองที่ผู้คนกินมื้อเที่ยงตอนบ่าย 2 และกินมื้อเย็นตอน 3-4 ทุ่ม ถ้าเทียบปารีสเป็นความชิคแบบโอตกูตูร์ บาร์เซโลนาก็เป็นฮิปสเตอร์แบบสุดเหวี่ยง ซึ่งก็เป็นคาแร็กเตอร์โดยรวมของผู้คนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอยู่แล้ว แถมยังเป็นเมืองบ้านเกิดของสถาปนิก/ศิลปินชื่อดังอย่าง อันโตนิโอ เกาดี (Antonio Gaudi) ผู้ที่ฝากผลงานการออกแบบสุดแปลกตาเอาไว้ในเมืองนี้เต็มไปหมด บาร์เซโลนาจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบศิลปะ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงลิ้มรสอาหารสเปนขึ้นชื่อ

เราคือหนึ่งในคนที่ชอบศิลปะ สนุกกับการเดินเข้าแกลเลอรี่ มองดูกราฟฟิตี้ตามข้างทาง และถ่ายรูปกับสถาปัตยกรรมอันโอ่อ่า ทำให้บาร์เซโลนากลายเป็นเมืองโปรดของเราตั้งแต่ได้มาเที่ยวครั้งแรก

ทริปนี้เราเดินทางจากปารีส ฝรั่งเศส มาถึงบาร์เซโลนาด้วยสายการบินที่ชอบอย่าง Vueling Airlines ในราคาถูก (ใจ) ซึ่งเราใช้บริการบ่อยๆ เวลามาเที่ยวยุโรป หรือถ้าหากบินจากกรุงเทพฯ ก็มีสายการบิน Etihad Airways แนะนำให้จองกับแอปฯ Traveloka เพราะนโยบายที่ค่อนข้างยืดหยุ่น ‘เมื่อจองเที่ยวบินพร้อมการันตีคืนเงิน’ ดังนั้นถ้าเปลี่ยนใจ ไม่บินก็คืนเงิน

บินอินเตอร์แบบที่ใช่กับ Traveloka

  • จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App พร้อมบอกข้อดีกับการจองกับเรา 
  • จองตั๋วเครื่องบินไปบาร์เซโลนา กับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App >  https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Barcelona.BCN 
  • เช็คมาตรการสนามบินก่อนเดินทางไปบาร์เซโลนา กับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App ได้ที่นี่ (https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel)

ตามไปอ่านบทความไปเที่ยวต่างประเทศ กันได้ที่นี่ >  https://www.traveloka.com/th-th/flight/travel-global

ทั้งเรื่องที่พักและการเดินทางในเมือง ต้องบอกว่าราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในยุโรปตะวันตก ในงบประมาณ 1,000-2,000 บาท ก็สามารถได้ที่พักที่โอเคมากๆ แต่ถ้าเพิ่มงบได้อีกสักคืนละ 3,000-5,000 บาทนี่ได้โรงแรมดีๆ สวยๆ เลย ส่วนรถไฟใต้ดิน แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบเหมา 10 เที่ยว ก็จะได้ราคาถูกกว่าซื้อรายครั้ง ยิ่งถ้ามากับกลุ่มเพื่อนด้วยแล้ว สามารถแบ่งกันใช้ได้เลย หรือจะซื้อ Barcelona card (72 ชั่วโมง ราคา 48 ยูโร, 96 ชั่วโมง ราคา 58 ยูโร, 120 ชั่วโมง ราคา 63 ยูโร) ใช้โดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเมือง รวมถึงรถไฟจากแอร์พอร์ตเข้าเมือง และยังใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งได้ฟรีหรือมีส่วนลดด้วย คุ้มมาก

Tips การเดินทางในเมืองบาร์เซโลนา

-ตั๋ว T-Dia หรือ One-day travel card ราคา 7.60 ยูโร/1 Zone และราคา 12 ยูโร/2 Zone ใช้โดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเมือง มีอายุ 1 วัน นับจากวันที่เริ่มใช้ตั๋ว -ตั๋ว T-10 ลักษณะการใช้งานเหมือนตั๋วแบบ 1 วัน แต่เมื่อเราซื้อทีเดียว 10 ใบ เราจะได้ลดราคา (1 โซน 9.95 ยูโร / 2 โซน 19.60 ยูโร) ใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเสียบบัตร สามารถต่อสายอื่นหรือเปลี่ยนประเภทยานพาหนะได้ถึง 3 ต่อ ภายใน 75 นาที

7 ที่เที่ยวห้ามพลาดเมื่อมาบาร์เซโลนา

1. ถนนคนเดิน La Rambla

ถนนคนเดิน La Rambla ที่จะคึกคักในช่วงค่ำคืน

ที่พักของเราอยู่แถวถนน La Rambla del Raval เป็นถนนคนเดินที่โด่งดังมากๆ มีร้านอาหารและร้านขายของมากมาย แนะนำให้มาเดินช่วงกลางคืน บรรยากาศจะคึกคักกว่า แนะนำให้แวะเข้าไปเดินตลาด La Boqueria ซึ่งมีขายผลไม้สด อบแห้ง ถั่วหลากชนิด ช็อกโกแลต ขนมหวาน จัดแผงได้อย่างมีศิลปะและอลังการ ในตลาดแห่งนี้มีร้านทาปาส (Tapas) เจ้าดังอยู่ร้านหนึ่ง คือ Pinotxo Bar มาที่นี่เราจะได้ลองชิมอาหารทาปาส ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินอันเก่าแก่ของสเปนที่แต่ละจานจะเป็นพอร์ชั่นเล็กๆ เหมือนของว่าง ทานพอดีคำ วัตถุดิบก็จะเป็นพวกอาหารทะเลจากเมดิเตอร์เรเนียน ปลาสด ผักสด เนื้อสัตว์ และชีส จะดูไลท์ๆ ดีต่อสุขภาพ อยากให้ลองโครแก็ตต์ (Croquettes) สอดไส้แฮม สีเหลืองทองกรอบนอกนุ่มใน แล้วก็ปลาหมึกปรุงรส (Galician Octopus – Pulpo a la Gallega) กินคู่กับไวน์แดงคือเวิร์กมาก

ตลาด La Boqueria

—————————

2. Arc de Triomf (ประตูชัย)

ประตูชัยบาร์เซโลนา ชื่อเรียกเหมือนกับ Arc de Triomphe ของฝรั่งเศสเลย แต่นี่สะกดแบบภาษาสเปน ถือเป็นจุดท่องเที่ยวแรกๆ ของบาร์เซโลนา เพราะอยู่ใกล้สถานีรถบัส และก็อยู่ใจกลางเมืองเลย เป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป ใกล้ๆ กันจะมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ Parc de la Ciutadella สามารถเข้าไปเดินเล่นได้

—————————

3. มหาวิหาร Sagrada Familia

สถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางบาร์เซโลนานี้คือหนึ่งในผลงานออกแบบชิ้นโบว์แดงของ อันโตนิโอ เกาดี ซึ่งเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของศิลปิน ที่นี่เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1883 จนเวลาผ่านมากว่า 130 กว่าปีแล้วก็ยังสร้างไม่เสร็จ โดยทางการได้ออกมายืนยันว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปีค.ศ. 2026 (ปีที่จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปีที่เกาดีจากไป) ความพิเศษคือที่นี่เป็นต้นแบบปราสาทใน Game of Thrones ด้วย ดังนั้นถ้ามีโอกาสได้เดินเข้าไปดูภายในก็จะต้องทึ่งกับรายละเอียดของการก่อสร้างที่อลังการมากๆ เดิมใช้หินทรายเป็นวัสดุหลัก แต่พอเวลาผ่านไปหินทรายมีการหลอมละลาย เกิดเป็นผิวสัมผัสที่ไหลย้อยตามธรรมชาติ เพิ่มความมหัศจรรย์เข้าไปอีก โดยเฉพาะเมื่อมันผสมผสานกับการเล่นแสงตามธรรมชาติผ่านกระจกสีที่ไล่เรียงความเข้มอ่อน เกิดเป็นแสงเงาสวยงามมาก

—————————

4. Casa Batlló และ Casa Milà

บ้านน่ารักสองหลังนี้คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะเป็นการออกแบบโดยเกาดีเช่นกัน สำหรับ Casa Batllo ใช้เส้นสายอิสระเลียนแบบมังกร โดยมีกระเบื้องปูไล่เฉดสีเป็นเกล็ดบนลำตัว ส่วน Casa Mila นั้น มองด้านนอกดูคล้ายกับลอนคลื่นในทะเล แนวคิดที่ว่า “เส้นตรงมีไว้สำหรับมนุษย์ ส่วนโค้งเว้ามีไว้สำหรับพระเจ้า” ทำให้งานของเกาดีใช้เส้นคดโค้งเยอะมาก ผสมผสานกับการใช้รูปทรงเรขาคณิต และแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกัน สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Passeig de Gràcia

—————————

5. Park Güell

ยังไม่จบกับการตามรอยเกาดี แต่คราวนี้ต้องนั่งรถเมล์ออกนอกเมืองบาร์เซโลนาไปหน่อย จะพบกับสวนสาธารณะ พาร์ค กูแอล ที่เต็มไปด้วยงานสคัลป์เจอร์ของเกาดี เหมือนเดินอยู่ในโลกเวทมนตร์ ที่เด่นๆ ก็คือมังกรโมเสกที่ไต่อยู่บนบันไดน้ำพุ แล้วก็พิพิธภัณฑ์ซึ่งเคยเป็นบ้านของเกาดีมาก่อน เมื่อเข้าไปเดินข้างในจะได้เห็นว่าเขาใช้ชีวิตยังไงอยู่ที่นี่กว่า 20 ปี ก่อนจะปิดท้ายด้วยจุดชมวิวตรงยอดเขาตอนพระอาทิตย์ใกล้ตก ซึ่งถือว่าเป็นวิวที่ดีที่สุดของเมืองเลยก็ว่าได้

—————————

6. พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Fundació Juan Miró

อีกหนึ่งศิลปินนอกจากเกาดีที่เกิดที่บาร์เซโลนาเช่นกัน คือ ฮวน มิโร (Juan Miro) จิตรกรชาวสเปนที่โดดเด่นในผลงานศิลปะแนวเซอร์เรียลลิสม์ นำเสนอภายใต้ลายเส้นที่พันกันชุลมุนและสีสันที่สว่างสดใส เราเคยไปดูนิทรรศการของเขามาแล้วครั้งหนึ่งที่ปารีส แต่ตอนนี้ดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาถึง Fundació Juan Miró ตึกรูปทรงโมเดิร์นสีขาวซึ่งเป็นที่ที่เก็บสะสมงานของมิโรเอาไว้เยอะที่สุด และถ้าใครแวะมาที่นี่แล้ว สามารถเดินไปเที่ยวต่อที่สนามกีฬาโอลิมปิกขนาดใหญ่แบบจุคนดูได้เป็นแสนคนได้ด้วย

—————————

7. Museu Nacional d’Art de Catalunya (MNAC) Palau Nacional de Montjuïc

จากมิวเซียมของฮวน มิโร ใกล้ๆ กันยังมีสถานที่ที่ควรแวะมาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ สวน Parc de Montjuïc ที่สามารถนั่งรถราง Funicular ขึ้นเขาไปได้ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติคาตาลุญญา ที่จะมีบริเวณให้เราได้ชมวิวมุมสูงแบบพาโนรามา มองลงไปเห็นบ้านเมืองเรียงรายกันเหมือนตุ๊กตา แถมยังสามารถมองไปไกลได้ถึงท่าเรือเลยทีเดียว ถ้ามาเที่ยวในวันเสาร์ แนะนำให้ลงบันไดเลื่อนไปจนถึงล่างสุด จะมีการแสดงระบำน้ำพุตอนสามทุ่มด้วย จัดสัปดาห์ละครั้งเท่านั้นทุกวันเสาร์

  • รถราง Funicular ขึ้นเขา Parc de Montjuïc ออกทุกๆ 10 นาที ช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน ให้บริการตั้งแต่ 9.00-22.00น. / ฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 9.00-20.00น.

สรุปว่าบาร์เซโลนาเป็นเมืองสนุกอีกเมืองหนึ่งที่มีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ผู้คนที่นี่อารมณ์ดีและเปิดกว้างมากกว่าหลายๆ ประเทศในยุโรป ที่เขาบอกกันว่าที่นี่เป็นเมืองฮิปสเตอร์ ก็อาจจะด้วยเรื่องของศิลปะ ดนตรี และวัฒนธรรมที่มันสอดแทรกอยู่ในทุกดีเทล ซึ่งถ้าเรายิ่งรู้ที่มา มันก็ยิ่งทำให้เราเที่ยวสนุกขึ้น และได้รู้ว่าภายใต้บ้านเมืองโทนสีน้ำตาลที่มีคนไถสเก็ตบอร์ดผ่านไปมา มันมีอะไรมากกว่านั้น

Leave a Reply