เอาจริงๆ นี่ตอนแรกนึกว่าตัวเองมาอยู่ Beverly Hills หรือวิลล่าหรูสักแห่งในลอสแองเจลิสช่วงหน้าร้อน จนถึงกับต้องโพสรูปในเฟสบุ๊กแล้วแคปชั่นว่า My Summer Home ก่อนจะมีสติรู้ตัวขึ้นได้ว่าอ้อ! นี่เรานั่งเครื่องบินมาชั่วโมงเดียว จากกรุงเทพฯ มาลงเกาะสมุย ฝั่งอ่าวไทยบ้านๆ นี่นา
เคยดูหนังฝรั่งที่นางเอกไปทริปฮันนีมูนในวิลล่าหรูแสนไพรเวท แต่งตัวสวย จิบแก้วไวน์ เรารู้สึกว่าทริปนี้คือแบบนั้นเลย ต่างกันแค่ว่านี่ไม่ได้มาฮันนีมูน แล้วก็ไม่ได้มีเจ้าชายที่ไหนมาเปย์ให้ เราแค่ปรนเปรอตัวเองด้วยการมาพักผ่อนที่ซามูจาน่า (Samujana) ไพรเวทวิลล่าที่มีตั้ง 6 ห้องนอน มีโรงหนังและฟิตเนสส่วนตัว รวมไปถึงบัตเลอร์ประจำตัวที่คอยดูแลเราตลอดการเข้าพัก มายก้อด! รู้สึกว่าชีวิตเซอร์เรียลมาก
จุดเริ่มต้นของทริปนี้คือการที่เรามีไมล์การบินไทยส่วนหนึ่งที่ใกล้จะหมดอายุ ก็เลยตัดสินใจแลกไปกลับกรุงเทพ-สมุย ซึ่งเราคิดว่าคุ้มมากๆ เนื่องจากสนามบินสมุยเป็นสนามบินที่มีเส้นทางบินของเฉพาะการบินไทยกับบางกอกแอร์เวย์เท่านั้น ไม่มีสายการบินโลว์คอสต์ ทำให้เวลาใครจะบินไปลงบนเกาะสมุยโดยตรง ก็จะโดนค่าโดยสารที่แพงกว่าการบินไปลงสนามบินอื่นๆ ภายในประเทศ
สำหรับ Royal Orchid Plus หรือโปรแกรมสะสมไมล์ของการบินไทย ใช้อัตราการแลกไมล์บินไป-กลับภายในประเทศ ทุกจังหวัดเท่ากัน อยู่ที่ 15,000 ไมล์ (Round trip) ดังนั้นถ้าบินไปลงจังหวัดอื่นที่มีรูทของสายการบินโลว์คอสต์ เราว่าไปซื้อตั๋วโปรโมชั่นของโลว์คอสต์อาจจะคุ้มกว่า แต่ในการบินมาลงสมุย ซึ่งมีค่าตั๋วที่แพงกว่าจังหวัดอื่น แลกไมล์เอานี่ล่ะ คุ้มสุดๆ ไปเลย
วิวจากหน้าต่างเครื่องบินตอนใกล้จะแลนดิ้งที่สมุยสวยมากๆ ค่ะ เห็นเป็นทะเลสีเขียวกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ในขณะที่สนามบินสมุยก็ออกแบบได้มีเอกลักษณ์ ให้ฟีลทะเลและเมืองตากอากาศอย่างแท้จริง
ตรงเคาน์เตอร์หน้าเกท เขาทำเป็นโดมแบบโปร่งโล่งที่เปิดให้แสงสว่างและลมพัดเข้ามาได้ เรียกว่าแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยด้วยซ้ำ แถมลมจากลานกว้างของสนามบินก็พัดเข้ามาเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้รู้สึกเย็นเหมือนสนามบินที่มีแอร์ แต่ก็ไม่ได้ร้อนอบอ้าว
รอบๆ สนามบินยังมีบ่อบัว บ่อน้ำพุ และปลูกต้นไม้เขียวไปหมด เป็นสนามบินที่ร่มรื่นที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เครื่องบินที่มาแลนดิ้งที่นี่เขาไม่ใช้งวงช้างกัน แต่จะต้องเดินลงบันได แล้วก็มีรถชัทเทิลมารับเข้าเกท รู้สึกคล้ายๆ เหมือนเวลาไปสวนสัตว์ หรือไปชมไร่ชมสวน อะไรแบบนี้
Samujana จัดรถมารอรับเราถึงที่สนามบินเลย นั่งมาแค่ 10 นาที ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่วิลล่าส่วนตัวของเรา โดยที่ไม่ต้องไปแวะที่ฟรอนต์ของโรงแรม เราสามารถทำเอกสารเช็คอินเข้าพักได้ที่ห้องนั่งเล่นของวิลล่าเราเอง
Samujana มีวิลล่าทั้งหมด 28 หลัง แต่ละหลังจะมี Villa Manager หรือบัตเลอร์ส่วนตัวประจำอยู่ที่วิลล่าเลย เมื่อรถเข้ามาจอด เขาจะเข้ามาทักทายและจัดการนำกระเป๋าของเราลงไปเก็บ พาเราเดินชมวิลล่า ซึ่งมันกว้างมากกกกกกกกก ช่วยด้วย
ภายในวิลล่าปลูกต้นไม้เยอะแยะ มีสนามหญ้าที่ได้รับการดูแลตัดแต่งอยู่ตลอดเวลา เราชอบดอกลีลาวดีมากเลย นอกจากสีขาวสวยตัดกับสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ยังส่งกลิ่นหอมเบาๆ สร้างบรรยากาศความเป็นบ้าน มากกว่ารีสอร์ทหรือโรงแรมทั่วไป
Samujana เป็นการเอาคำว่า “Samui” และ “Jana” ซึ่งแปลว่าปะการังในภาษาโมรอกโคมารวมกัน เนื่องจากวิลล่าตั้งอยู่บนภูเขาสูง เมื่อมองลงไปยังทะเลด้านล่าง จะเจอกับจุดที่มีปะการัง บริเวณนั้นคือหาดส่วนตัวเฉพาะแขกที่มาเข้าพักที่ Samujana เท่านั้น เงียบสงบเหมาะแก่การเอาผ้าไปปูนอน อ่านหนังสือ หรืออาบแดด แต่ถ้าจะเล่นน้ำ แนะนำให้เขยิบไปทางหาดเชิงมนที่อยู่ใกล้ๆ น่าจะดีกว่า เพราะหินค่อนข้างเยอะ
วิลล่าของที่นี่จะมีตั้งแต่ 3 ห้องนอน ไปจนถึงมากที่สุด 8 ห้องนอน แต่ละห้องจะได้วิวที่แตกต่างกัน จะเอาแบบ Garden view หรือ Sea view ก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบ
ห้องนอนแต่ละห้องก็ตกแต่งไม่เหมือนกันด้วยนะคะ ส่วนมากใช้วัสดุธรรมชาติแล้วก็ออกสีเพลนๆ สบายตา ประดับประดาด้วยภาพศิลปะทุกห้องเลย
มีโต๊ะทำงาน มีอ่างอาบน้ำ มีเรนชาวเวอร์ แล้วก็มีตู้เสื้อผ้าหลายตู้มากๆ เรียกได้ว่ามาอยู่เป็นเดือน ก็จุเสื้อผ้าได้ครบแหละ
แอบถ่ายรูปจากอีกห้องนอนนึงมาให้ดู เราชอบมากที่แต่ละห้องตกแต่งด้วยภาพศิลปะหลากหลายอย่างกับแกลเลอรี่
การออกแบบตกแต่งในหลายๆ ส่วน จะมีความเป็นเส้นสายกราฟิก อย่างลานที่สระว่ายน้ำนี่ก็เป็นหินสี่เหลี่ยมเอามาวางต่อกัน ไม่ว่าจะวางกล้องไปมุมไหน ก็ถ่ายรูปสวยหมด เพราะเห็นเส้นสายที่ตัดและตั้งฉากกันตลอดเวลา

สระว่ายน้ำเป็นแบบไร้ขอบ หรือ Infinity Edge ยิ่งทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับท้องฟ้าและท้องทะเล ตรงนี้เป็นจุดที่ได้วิวแบบพาโนรามาที่สวยเวอร์
ถึงแดดจะร้อน แต่ด้วยความที่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้มีลมพัดมาตลอดเวลา และเป็นลมที่เย็นสบาย ไม่เหนียวตัวเหมือนลมทะเล
ตอนเช้าเรามาสั่งกาแฟที่เคาน์เตอร์บาร์ส่วนตัวในวิลล่า บัตเลอร์พร้อมให้บริการตั้งแต่ 8 โมงเช้า อยากได้เบรกฟาสต์แบบไหน สามารถดูในเมนูแล้วสั่งได้เลย ก็จะมีทั้ง American Breakfast และอาหารเช้าแบบไทยๆ อย่างพวกข้าวต้มด้วย
สิ่งที่ว้าวมากๆ คือโรงหนังส่วนตัว จุได้ 12 คนแบบหลวมๆ เปิดเรื่องที่ชอบให้เซอร์ราวด์กระหึ่มห้องไปเลยค่ะ คนชอบดูหนัง มาเจอห้องนี้น่าจะกรี๊ดหนัก
แต่อย่าดูหนังเพลิน เพราะเขายังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีก อย่างเช่น ห้องเล่นเกมส์ ห้องยิมที่สามารถรีเควสเทรนเนอร์ส่วนตัวได้ หรือถ้าชอบมวยไทย โยคะ ก็จอง session ล่วงหน้า ให้ครูมาสอนถึงที่วิลล่าได้เลย นอกจากนี้ก็ยังมีห้องสปาส่วนตัว แล้วก็พวกโต๊ะพูล โต๊ะปิงปอง
ตอนเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า แสงสวยมากๆ ค่ะ จุดตรงสระว่ายน้ำเป็นจุดที่เราสามารถดู sunset ได้แบบเพอร์เฟ็กต์และโรแมนติกสุดๆ ดูเสร็จแล้วก็ถอดเสื้อคลุมออก ลงไปแหวกว่ายในสระให้ฉ่ำใจไปซะ
ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นซึ่งมีเชฟมาเนรมิตอาหารให้เราอย่างเป็นส่วนตัวถึงที่วิลล่า และบัตเลอร์เป็นผู้จัดโต๊ะอาหารให้เราอย่างสวยงาม อ้อ! อย่าลืมเดินไปเลือกไวน์ในตู้เย็น มีให้เลือกทั้งไวน์ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย อิตาลี ไวน์แดง ไวน์ขาว หรือโรเซ่ มีหมดค่ะ ไม่งั้นจะรู้สึกว่ามื้อนี้ไม่คอมพลีทแน่ๆ
Samujana เน้นความเป็นบ้านพักตากอากาศมากกว่าเป็นโรงแรม เพราะมีความส่วนตัวมากๆ ไม่ต้องใช้ล็อบบี้ร่วมกับใคร ไม่ต้องใช้โรงหนังหรือฟิตเนสรวมกับใคร เหมาะแก่การมาพักกันเป็นครอบครัวหรือเพื่อนฝูงหลายๆ คน ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่บ้านและมีคนมาคอยให้บริการเราในระดับมาตรฐานเดียวกับโรงแรม 5 ดาว นี่อาจจะเป็นความฝันของใครหลายคน กับการมีวิลล่าใหญ่ๆ ริมทะเล ให้เรามาพักใจพักกายได้ในช่วงหน้าร้อน
ค่าที่พักที่นี่เริ่มต้นที่คืนละประมาณ 3 หมื่นบาท และถ้ายิ่งเลือกพักในวิลล่าที่มีจำนวนห้องนอนเยอะๆ หรือมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ราคาก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างวิลล่า 6 ห้องนอนที่เรามาพักครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 6-8 หมื่นบาท (แล้วแต่ช่วงเวลาเข้าพัก) แต่ถ้าถามถึงความส่วนตัวและความลักชัวรี่แล้วละก็ การันตีได้เลยว่าเป็นที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกที่เหล่าเซเลบริตี้ระดับโลกจะบินมาพักที่นี่บ่อยๆ โดยที่ไม่มีใครรู้
และถ้าใครสนใจอยากเป็นเจ้าของวิลล่าเลยละก็… ทาง Samujana ก็มีวิลล่าที่เปิดขายด้วย ราคาเริ่มต้นแค่ 2 ล้าน us dollar เท่านั้น มีใครอยากจะซื้อไว้พักผ่อนเล่นๆ สักหลังไหมคะ?
Samujana
For more information / reservation: https://www.samujana.com