Home Escape ไดอารี่สีน้ำบันทึกท่องเที่ยวกรีนแลนด์กับแสงเหนือที่ชมจากหน้าต่างที่พักได้ทุกคืน

ไดอารี่สีน้ำบันทึกท่องเที่ยวกรีนแลนด์กับแสงเหนือที่ชมจากหน้าต่างที่พักได้ทุกคืน

การบันทึกความทรงจำระหว่างการเดินทางนั้นทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูป การเขียนไดอารี่ หรือการซื้อของที่ระลึกกลับมาด้วย ทุกครั้งที่เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันจะทำให้เรานึกถึงประสบการณ์ที่น่าจดจำระหว่างเราและสถานที่ต่างๆ เหมือนกับเราได้ย้อนความสุขกลับมาอีกครั้ง

กรีนแลนด์ ดินแดนเหนือสุดของโลก

ยุคนี้ผู้คนนิยมถ่ายรูปท่องเที่ยวลงไอจีหรือบันทึกเป็นวิดีโอลงโซเชียลกันมากกว่า น้อยคนที่จะเลือกวิธีโอลด์สคูลอย่างการวาดภาพ เหมือนกับคุณกุ๊ก วรรัตน์ พิชญ์พงศ์ศา ผู้ซึ่งหลงใหลการเดินทางแล้วพกสีน้ำไปเที่ยวด้วย เธอเริ่มหัดใช้สีน้ำมาประมาณ 4 ปีแล้ว และคิดว่าพกพาระหว่างเดินทางได้สะดวก ก็เลยเลือกที่จะจดจำความประทับใจด้วยวิธีการระบายมันลงไปในกระดาษ

Itinerary ทริปกรีนแลนด์และยุโรปด้วยลายมือ

จุดเริ่มต้นทริปกรีนแลนด์

เธอมาเล่าให้เราฟังถึงเรื่องของทริปกรีนแลนด์เมื่อปี 2019 และยังโชว์ภาพวาดที่ทำออกมาได้น่ารักมากๆ ตั้งแต่แพลนของทริปซึ่งเขียนกำหนดการด้วยลายมือ วาดแผนที่ประกอบเส้นทางที่จะไป แล้วก็ยังมีภาพของวิวทิวทัศน์ที่เจอระหว่างทางอย่างภูเขาน้ำแข็ง สุนัขลากเลื่อน ปลาวาฬ แล้วก็อาหารอย่างปูอลาสก้า

คุณกุ๊ก วรรัตน์ พิชญ์พงศ์ศา นักเดินทางผู้หลงใหลการวาดภาพสีน้ำ

“ที่เลือกไปกรีนแลนด์เพราะว่ามีความสงสัยเกี่ยวกับประเทศนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะว่ามันน่าจะเป็นน้ำแข็งทั้งเกาะรึเปล่า ทำไมชื่อดินแดนสีเขียว แล้วมีคนอาศัยอยู่ได้ยังไง คิดว่าสักวันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราก็อยากจะไปเห็นด้วยตัวเอง อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ กรีนแลนด์เป็นที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดในโลก หลายปีก่อนกุ๊กไปไอซ์แลนด์ตั้งใจมากว่าจะไปดูแสงเหนือ แต่ช่วงที่ไปเมฆเยอะ ไม่เห็นเลยสักคืน ทีนี้เลยไปแก้ตัวอีกทีที่กรีนแลนด์ คือถ้าไปกรีนแลนด์แล้วยังไม่เห็นแสงเหนือ นี่คือแสดงว่าไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว” เธอเดินทางไปเมื่อเดือนตุลาคม 2019 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเข้าหน้าหนาว อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 0°c ถึง -5°c

จากเมืองไทย บินไปลงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก่อนเป็นที่แรก

Bangkok – Copenhegen – Kangerlussuaq – Illulissat – Nuuk

“ทริปที่ไปแบ่งเป็น 2 ช่วง ทริปช่วงแรก 9 วันไปกันเป็นกลุ่มค่ะ อยู่ในกรีนแลนด์จริงๆ 7 วันอีก 2 วันคือวันเดินทางไปและกลับ จากไทย เราบินไปลงที่โคเปนเฮเกนก่อน เที่ยว Day trip 1 วัน จากนั้นบินไปกรีนแลนด์ ลงเครื่องที่เมือง Kangerlussuaq (คังเกอร์ลุสซวก) ซึ่งเป็นสนามบินหลักของที่นี่ แล้วต่อเครื่องไปเมือง Illulissat (อิลลูลิสแซต) ซึ่งเราพักที่นี่ 3 คืน ไปเดิน hiking ที่เทรลชื่อ The World Heritage Trail, ไปดูสุนัชลากเลื่อน, นั่งเรือดู Iceberg Sightseeing

ในเมืองหลวงของกรีนแลนด์อย่าง Nuuk นั้น หาร้านอาหารไทยได้ไม่ยากเลย

จากนั้นไปเมือง Nuuk ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกรีนแลนด์ ขนาดเมืองหลวงก็ยังมีประชากรแค่ 17,000 คน ไปดูโซนเมืองเก่า, ท่าเรือ, นั่งเรือออกทะเลไปชมฟยอร์ด (Fjord) และหมู่บ้านชาวประมง Qoornoq (คอ-น้อค-เขอะ) ซึ่งเข้าออกได้ทางเรือเท่านั้น สุดท้ายคือกลับมาเที่ยว Kangerlussuaq ซึ่งเป็น hub การบินของกรีนแลนด์ เพราะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่ตั้งฐานทัพอเมริกา จึงมีรันเวย์ที่ดีสำหรับให้เครื่องขึ้นลงได้ ในเมืองนี้เราไปเที่ยว Ice Cap 660 (ตัวเลขคือความสูงจากระดับน้ำทะเล 660 เมตร) หน้าตาเหมือนทะเลทรายแต่เป็นทุ่งน้ำแข็งเก่าแก่กว่า 40,000 ปี และเดิน trek 6 กิโลเมตร ไป Russell Glacier พอจบทริปกรีนแลนด์ กลุ่มที่เหลือกลับไทย ส่วนกุ๊กอยู่เที่ยวยุโรปต่อค่ะ เพราะไหนๆ ก็ได้วีซ่าเชงเก้นแล้ว แต่ต้องสมัครแบบมีตราประทับ valid for Greenland นะคะ วีซ่าเชงเก้นธรรมดาเข้ากรีนแลนด์ไม่ได้” เธออธิบายวิธีการเดินทาง

กรีนแลนด์เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์ก นับว่าเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจมาก ทั้งด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ด้วยความที่เป็นดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกและเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยกว่า 85% ของพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งซึ่งเก่าแก่ถึง 250 ล้านปี ประชากรจะอาศัยเป็นกระจุกตามเมืองต่างๆ ริมทะเล และแต่ละเมืองก็มีประชากรไม่มาก “คนท้องถิ่นที่นี่คือชาวอินูอิต หรือที่เราคุ้นกับชื่อเอสกิโม แต่คนที่นี่ถ้าไปเรียกเขาว่าเอสกิโมจะถือว่าหยาบคายนะคะ เพราะมีความหมายว่าคนกินเนื้อ แลดูป่าเถื่อน ทั้งๆ ที่อาชีพหลักของคนท้องถิ่นที่นี่โดยเฉพาะในหมู่บ้านเล็กๆ ก็คือการตกปลา ล่าแมวน้ำ ล่าปลาวาฬ”

ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง

สัตว์ท้องถิ่นในกรีนแลนด์

คุณได้มีโอกาสเห็นปลาวาฬด้วยไหม “ปลาวาฬเป็นสัตว์ตัวแรกที่ได้เห็นเลยค่ะ ตอนนั้นเรือไปชม Iceberg ที่เมือง Illulissat อันนี้ถือว่าโชคดีมาก เพราะปกติเดือนกันยายนเขาก็อพยพไปคาริเบียนหมดแล้ว ตอนช่วงกำลังแล่นเรือกลับ มีคนเห็นอะไรในน้ำ ปรากฏว่าเป็นปลาวาฬ ว่ายขึ้นมาแล้วพ่นน้ำด้วย ตื่นเต้นมาก และสัตว์ประจำถิ่นอีกอย่างของที่นี่คือ Musk-ox ตอนแรกคือว่าเป็นวัวขนยาวคล้ายๆ ไบซัน แต่ปรากฏว่าเขาเป็นสัตว์ตระกูลแพะ ปีนเขาเก่งและวิ่งเร็ว ตอนเดิน trek ไป Russell Glacier มองเห็นเป็นฝูงสิบกว่าตัวอยู่บนยอดเขาลิบๆ ส่วนขากลับตอนขึ้นรถเห็นเดินต้วมเตี้ยมอยู่ตัวนึงกลางทุ่ง ซึ่งไกด์บอกว่ามันคงแก่แล้ว เพราะปกติ musk-ox จะวิ่งเร็ว ระหว่างทางใน Russell Glacier เห็นสัตว์อีกอย่างคือ Arctic hare หน้าตาเหมือนกระต่ายตัวใหญ่ แต่ไม่ใช่กระต่าย ซึ่งมันไวมาก ถ่ายรูปไม่ทัน

ลงเครื่องที่กรีนแลนด์ ที่สนามบินเมืองคังเกอร์ลุสซวก

จริงๆ กรีนแลนด์มีสัตว์ประจำถิ่นอีกอย่างแต่เราไม่เจอค่ะ คือ Polar bear ซึ่งในช่วง 1.5 ปีที่ผ่านมา มีคนเจอ polar bear ใกล้เมือง Kangerlussuaq 4 ครั้ง ถ้าเจอปุ๊บ ทุกอย่างในเมืองจะหยุด ทุกคนต้องอยู่ในบ้าน เพราะหมีขาวจะหิวและดุร้ายมาก ในกรีนแลนด์ถ้าเห็นหมีขาว ทางการจะส่งผู้เชี่ยวชาญออกไปยิงทิ้งอย่างเดียว เพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและประหยัดที่สุด พอถามว่าทำไมไม่ยิงกระสุนยาสลบแล้วเอาไปปล่อยไกลๆ ไกด์ถามกลับว่า “ใครจะจ่ายเงินล่ะ?” หมดคำถามเลยที่นี่กรีนแลนด์ ที่ซึ่งมีปืนยาวขายในซูเปอร์มาร์เก็ตด้วย” เธอเล่าอย่างตื่นเต้น

แสงเหนือที่ Ilulissat กรีนแลนด์

ขณะที่เรื่องอาหารการกิน เมืองหนาวแบบนี้ก็มักมีเมนูท้องถิ่นที่แตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง “ได้ลองเนื้อกวางค่ะ ซึ่งไม่ได้รู้สึกว่าต่างจากเนื้ออื่นๆ เท่าไรค่ะ ส่วนเนื้อปลาวาฬ ไขมันสูง และกลิ่นแรงมาก อันนี้รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบค่ะ แต่คนท้องถิ่นจะชอบกันมากส่วนเนื้อ Musk-ok กลิ่นไม่แรง แต่เหนียว แต่ละคำใช้เวลาเคี้ยวนานเลย แต่ถึงอย่างนั้นที่แปลกใจก็คือในกรีนแลนด์มีร้านอาหารไทยแทบทุกเมือง ถึงทานอาหารท้องถิ่นไม่ได้ ยังไงก็รอดค่ะ” คุณกุ๊กหัวเราะ

“สุดท้ายแล้วทริปกรีนแลนด์ ความประทับใจของเราคือการได้เห็นแสงเหนือชัดเจนทุกคืน เดินมาหลังบ้านก็เห็นแล้ว คนที่นั่นคงเห็นจนเบื่อ แต่เราตื่นเต้นมากมองจากห้องพักไป เห็นวิวทะเลซึ่งมีก้อน iceberg ลอยอยู่ ก็น่าทึ่งมากแล้วค่ะ พอยิ่งนั่งเรือออกทะเลไปดูภูเขาน้ำแข็งรูปร่างต่างๆ นานา รู้สึกว่ามันสวยมาก แต่ละก้อนหน้าตาไม่ซ้ำกันเลย มองไปเห็นทะเลและภูเขาน้ำแข็งจรดขอบฟ้า รู้สึกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตจริง” ดูจากภาพวาดสีน้ำเหล่านี้ เราเองก็สัมผัสได้เช่นกันถึงความประทับใจที่เธอไล่สีเอาไว้อย่างบรรจง

แสงเหนือที่ชมได้จากหลังบ้านที่พักในกรีนแลนด์

“การบันทึกด้วยการวาดรูป ทำให้เราได้เก็บรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ทำให้ชื่นชมหรือดื่มด่ำกับสถานที่มากขึ้น บางจุดเราไม่สามารถนั่งวาดตรงนั้นได้เลย ก็อาจจะถ่ายรูปไว้ก่อน แล้วมานั่งวาดรูปลงสีทีหลัง ซึ่งก็เป็นโอกาสให้เราได้กลับไปนึกย้อนถึงสถานที่นั้นอีกทีค่ะ”

All photos courtesy of Worarat Pichpongsa

NO COMMENTS

Leave a ReplyCancel reply

Exit mobile version