เที่ยวสวิสฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม – พฤษภาคม) เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสดใสของธรรมชาติ หลายคนบอกว่ามันคือฤดูกาลที่สวยและน่าท่องเที่ยวที่สุด เพราะเมื่อความมืดของฤดูหนาวผ่านไป ดอกไม้จะเริ่มผลิบาน ภูเขาก็เป็นสีเขียว กลางวันก็ยาวกว่ากลางคืน มีเวลาให้เราออกเที่ยวมากกว่าเดิม แถมผู้คนในเมืองก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นด้วย

Kandergrund Blausee © Switzerland Tourism

สวิตเซอร์แลนด์คือนิยามของความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์ น้ำในทะเลสาบที่สะอาดจนดื่มได้ แล้วก็มีภาพจำเป็นวัวตัวอ้วนพียืนเล็มหญ้าอย่างสบายใจอยู่ตามเนินเขาต่างๆ เวลาเรานั่งรถไฟผ่าน ดังนั้นการเที่ยวสวิสฤดูใบไม้ผลิจึงเป็นฤดูกาลโปรดของใครหลายคน

Gantrisch Nature Park in Canton Bern. © Switzerland Tourism
Appenzell Innerhoden. © Switzerland Tourism

การเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังสวิตเซอร์แลนด์ วิธีที่สะดวกที่สุดก็คือไฟลท์บินตรงของ Thai Airways หรือ Swiss Air เส้นทาง กรุงเทพฯ-ซูริค มาถึงที่นี่ตอนเช้าตรู่ หลังจากซื้อบัตร Swiss Travel Pass และตั๋วรถไฟต่างๆ สามารถซื้อออนไลน์ หรือซื้อจากเคาน์เตอร์ขายตั๋วที่สนามบินซูริค แล้วก็เลือกได้เลยว่าอยากจะไปท่องเที่ยวในภูมิภาคไหน รถไฟที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องตรงเวลา เพราะสวิตเซอร์แลนด์เป็นต้นกำเนิดของแบรนด์นาฬิการะดับโลกหลายแบรนด์ มีครอบครัวช่างทำนาฬิกาที่มีชื่อเสียงมากมาย งั้นถ้าพร้อมแล้ว…เรานั่งรถไฟสวิสไปเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิด้วยกันเลยค่ะ

Der Bernina Express mit dem Morteratsch Gletscher im Hintergrund. © Switzerland Tourism

1. เทศกาลพาเหรดและชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิกลางเมืองซูริค

Zurich, Street Parade in August. © Switzerland Tourism

แม้ซูริคจะมีความเป็นเมือง เพราะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก และคนสวิสก็เคลมว่าแม้ทะเลสาบที่อยู่ใจกลางเมืองก็สะอาดจนดื่มได้ ช่วงฤดูใบไม้ผลิเหมาะจะไปดูซากุระ ไปปิกนิกในพาร์ค หรือเข้าร่วมเทศกาลพาเหรดฤดูใบไม้ผลิ Zurich Street Parade และเทศกาลชมดอกไม้ Zurich Spring Festival (สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.sechselaeuten.ch/)

2. ดำดิ่งสู่โลกแห่งช็อกโกแลตที่ Lindt home of chocolate

พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตลินด์แห่งเมืองซูริค เปรียบเหมือนโลกของช็อกโกแลต ซึ่งเราจะได้เห็นไปถึงต้นกำเนิดช็อกโกแลต เรียนรู้เกี่ยวกับโกโก้ตั้งแต่มีการนำเข้ามาในทวีปยุโรป การเพาะปลูก แปรรูป และภูมิปัญญาในการทำช็อกโกแลตของชาวสวิส ไปจนถึงได้เข้าไปเห็นขั้นตอนการผลิตช็อกโกแลตในแล็บอันทันสมัย และที่น่าตื่นตาก็คือคาเฟ่ภายในพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตแห่งนี้ มีเครื่องดื่มและเมนูของหวานที่น่าลิ้มลองเต็มไปหมด อย่าลืมสั่งช็อกโกแลตร้อนแบบคลาสสิกและโกโก้ครีมนัวร์สุดเข้มข้น ก่อนไปร่วมเวิร์กช็อปทำช็อกโกแลตบาร์ของตัวเองโดยมี Lindt Master Chocolatier มาแนะนำอย่างใกล้ชิด หรือจะซื้อช็อกโกแลตกลับบ้าน เราก็ออกแบบแพ็กเกจในแบบของตัวเองได้ด้วย

3. นั่งรถไฟ Voralpen Express จาก St.Gallen ไป Luzern

หนึ่งใน Scenic Railroad อย่าง Voralpen Express พาเราเดินทางระหว่างสวิตเซอร์แลนด์ตะวันออกและตอนกลาง มีเปิดให้บริการทุกชั่วโมง โดยเริ่มต้นจากในกลางเมืองเซนต์กัลเลน เมืองแห่งอารามเก่าแก่ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 15 นาทีตลอดเส้นทาง ผ่านหมู่บ้านแสนน่ารักตามหุบเขาสีเขียว และไปจบที่เมืองลูเซิร์น สามารถเอาจักรยานขึ้นไปได้ และในชั้นเฟิร์สคลาสจะมี panoramic view window กระจกหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ มองเห็นวิวสวยๆ ได้อย่างไม่มีอะไรมากั้น

4. ล่องเรือในทะเลสาบ Luzern

เมืองลูเซิร์น สะกดอีกแบบว่า Lucerne เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของสวิสฯ ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศจนได้ชื่อว่าเป็น Heart of Switzerland ใครมาเที่ยวลูเซิร์นต้องไปชม Chapel Bridge สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง  

Luzern Chapel Bridge © Switzerland Tourism

ลูเซิร์นขึ้นชื่อเรื่องทะเลสาบน้ำสีฟ้าใส มองลงไปเห็นพื้นทะเลสาบ โอบล้อมด้วยอ้อมกอดของเทือกเขา มองเห็นบ้านเรือนน่ารักๆ เรียงรายบนฝั่ง โดยเฉพาะการเที่ยวสวิสฤดูใบไม้ผลิ อากาศกำลังเย็นสบายแบบนี้ จะมีดอกไม้บานสะพรั่งเต็มไปหมด เส้นทางล่องเรือที่น่าสนใจ เช่น Luzern – Hergiswil – Alpnachstad ขณะล่องเรือจะเห็นยอดเขาริกิ (Mt.Rigi) อยู่เบื้องหน้า ใครอยากไปเที่ยวยอดเขาริกิ ให้นั่งเรือไปลงที่ท่าเรือ Vitznau ส่วนใครอยากไปยอดเขาพิลาตุส (Mount Pilatus) ให้ไปลงที่ท่าเรือ Alpnachstad เพื่อไปขึ้นรถไฟแบบฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลกถึง 45 องศา ด้านบนยอดเขามีจุดชมวิวที่ความสูง 2,132 เมตรจากระดับน้ำทะเล

Vierwaldstättersee mit Pilatus. © Switzerland Tourism

5. นั่งรถไฟสายทัศนียภาพ Luzern-Interlaken Express

Ship harbor and railway station Interlaken © Switzerland Tourism

Luzern-Interlaken Express เป็นส่วนหนึ่งของรถไฟสายทัศนียภาพของสวิสอย่าง Goldenpass Line จะวิ่งผ่าน 5 ทะเลสาบ และข้ามช่องเขา Brünig Pass มุมไฮไลท์อยู่ตรงทะเลสาบ Lungern ที่อยู่ในแคว้น Obwalden สามารถใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นได้เลย

6. พิชิตยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) Top of Europe

Bizarr ice formation on the Jungfraujoch. © Switzerland Tourism

ยอดเขาจุงเฟราเป็นหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Interlaken สามารถนั่งรถไฟขึ้นไปได้สองเส้นทางได้แก่ Lauterbrunnen และ Grindelwald จะผ่านหมู่บ้าน ผ่านทุ่งหญ้า และค่อยๆ ไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงสถานีรถไฟจุงเฟรายอคที่ความสูง 3,454 เมตร ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป

Jungfraujoch Sphinx Observatory © Switzerland Tourism

ที่ปลายทางจะมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟสายนี้ จัดแสดงอยู่ในอุโมงค์ยาว มีถ้ำน้ำแข็ง และอุโมงค์น้ำแข็งให้ได้เที่ยวชม บริเวณจุดชมวิวถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นหิมะสีขาวโพลน แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเห็นเป็นภูเขาสีเขียว มีดอกไม้สีสันสดใส

7. GoldenPass Express รถไฟสายคลาสสิกและพาโนรามิกบนทุ่งดอกไม้

อีกหนึ่งเส้นทางรถไฟสายที่โด่งดังมากของสวิส คือ GoldenPass Express วิ่งจากมงเทรอซ์ (Montreux) ไปอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) เอกลักษณ์คือการวิ่งผ่านทุ่งดอกไม้สีเหลืองทองอร่าม ขบวนรถไฟจะแบ่งเป็นแบบ panoramic และขบวน classic การตกแต่งด้านในสวยงามหรูหรามาก โดยจะมี Prestige class ที่เหนือกว่าชั้นเฟิร์สคลาสไปอีก สามารถใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นได้เช่นกันโดยไม่ต้องจองที่นั่งล่วงหน้า ยกเว้นที่นั่งพิเศษบริเวณส่วนหัวขบวนของตู้ panoramic และถ้ามีเวลามากพอ ก็สามารถแวะลงไปเที่ยวตามสถานีต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีเส้นทางท่องเที่ยวเดินเขา

8. ชมยอดเขาปิระมิด Matterhorn

Matterhorn Gotthard Bahn bei Grossboden, Andermatt. © Switzerland Tourism

แมทเทอร์ฮอร์น คือชื่อยอดเขารูปทรงปิระมิดแห่งเมือง Zermatt เป็นแนวเทือกเขาแอลป์ที่กั้นพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์กับอิตาลี มีความหมายว่ายอดเขาแห่งทุ่งหญ้า วิธีขึ้นไปเที่ยวก็คือนั่งรถไฟจากสถานี Gornergrat Bahn (The Mattehorn Railway) เพียง 1 ชั่วโมงก็มาถึงยอดเขาได้ ผู้ถือบัตร Swiss Travel Pass ใช้เป็นส่วนลดได้ 50% และอีกวิธีที่ประหยัดกว่านั้นก็คือขึ้นรถราง ไปที่จุดชมวิว Sunnegga ตรงจุดนี้เมื่อเดินออกมา จะเป็นสถานีกระเช้าที่สามารถขึ้นไปยังยอดเขา Blauherd และ Rothorn ที่อยู่สูงขึ้นไปได้อีกด้วย

9. Glacier Express รถไฟด่วนที่ช้าที่สุดในโลก

The Glacier Express near Hospental in the Urseren valley © Switzerland Tourism

ขบวนรถไฟเก่าแก่นี้ ตลอดเส้นทางจากเมืองเซอร์แมตต์ (Zermatt) ถึงเซนต์มอริตซ์ (St. Moritz) จะใช้เวลาประมาณ 8-9 ชั่วโมง ผ่านทุ่งหญ้า ทะเลสาบ เทือกเขาสูง ธารน้ำแข็ง โดยมีจุดไฮไลท์คือตอนข้ามสะพานระหว่างภูเขากว่า 291 แห่ง ลอดอุโมงค์ 91 รวมถึงแล่นผ่านช่องเขาโอแบร์อัลพ์ที่ความสูง 2,045 เมตร บนรถไฟมีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการซึ่งเราสามารถจองมื้ออาหารได้ในเว็บไซต์ www.glacierexpress.ch และใครที่ชอบความหรูหรา เขาก็มี Excellence class ที่เหนือกว่า First class คอยให้บริการสุดประทับใจ โดยเราสามารถเลือกที่จะนั่งรวดเดียวหรือแบ่งตามรูท ใช้เวลาสัก 2-3 วัน เพื่อให้สามารถไปใช้เวลาตามจุดจอดต่างๆ ได้

10. ชมความหลากหลายของธรรมชาติที่ Graubünden

Chur, the capital of the canton of Graubunden. © Switzerland Tourism

เกราบึนเดินอยู่ทางตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ อาจจะไม่ได้โด่งดังสำหรับคนเอเชียมากนัก แต่เป็นอีกหนึ่งรัฐที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวสวิสฤดูใบไม้ผลิ เพราะมีกิจกรรมมากมายที่เหมาะกับการมาเที่ยวกับครอบครัว อย่างเช่น ทะเลสาบสีเขียวมรกต Caumasse อยู่ในหุบเขาเมือง Flims สามารถขับรถหรือนั่งรถไฟไปลงเมืองคูร์ (Chur) เมืองเก่าแก่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ แล้วต่อรถบัสซึ่งจะขับขึ้นเขาไปส่งถึงสถานที่เลย ผู้คนจะมานอนพักผ่อนริมน้ำ ว่ายน้ำ ปิกนิก นอนอ่านหนังสือ เล่นแพดเดิลบอร์ด ไปจนถึงกิจกรรมไฮกิ้งบนเขารอบทะเลสาบ และสำหรับมือใหม่ที่อยากทดลองกิจกรรมแอดเวนเจอร์ แนะนำ Laax ซึ่งเป็น freestyle academy สำหรับผู้ที่สนใจเรียนสกี สโนว์บอร์ด และ hiking trail พาเด็กๆ มาเรียนได้ เพราะเขามีให้ฝึกการใช้อุปกรณ์แบบอินดอร์ก่อนออกไปสถานที่จริง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ได้ที่ https://www.myswitzerland.com/en-th/

Leave a Reply