เมืองซาลส์บูร์ก (Salzburg) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบ 100% มาตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2022 โดยไม่มีการตรวจเช็คเอกสารวัคซีน หรือผลตรวจโควิด-19 ใดๆ ทั้งสิ้น คนไทยแค่มีวีซ่าเชงเก้น ก็สามารถเข้าไปเที่ยวออสเตรียได้เลย

DomQuartier

La Vie en Road มาเที่ยวออสเตรียตั้งแต่เดือนพ.ค. 2022 ที่ผ่านมา โดยเราบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงสนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน เพราะเป็นสนามบินที่ใกล้ซาลส์บูร์กที่สุด จากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปเพียงแค่ 2 ชั่วโมง ก็ถึงซาลส์บูร์กแล้ว

  • จองรถไฟได้ที่ https://www.thetrainline.com/ เว็บนี้สามารถจองรถไฟได้ในเส้นทางครอบคลุมหลายประเทศในยุโรป ดีตรงที่เก็บค่าธรรมเนียมการจองน้อยกว่าเว็บอื่นๆ มาก สามารถโหลดแอปฯมาไว้ในโทรศัพท์ และโชว์ตั๋วรถไฟจากหน้าจอมือถือได้เลยในขณะเดินทาง
จัดแสดงที่ Mozart’s Birthplace

ซาลส์บูร์ก (Salzburg) โด่งดังในฐานะเป็นเมืองบ้านเกิดของโวลฟ์กัง อะมาเดอุส โมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) คีตกวีชื่อก้องโลกที่แม้แต่คนไม่ได้ฟังดนตรีคลาสสิกก็ยังต้องรู้จัก โดยเขาเกิดและใช้ชีวิตที่นี่กว่า 20 ปี จึงไม่แปลกที่ทางการท่องเที่ยวของเมืองจะมีโมสาร์ทเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะใครๆ ก็อยากมาดูว่าที่นี่ให้แรงบันดาลใจกับคีตกวีผู้นี้อย่างไร หรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยทางดนตรีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกก็ตั้งอยู่ที่นี่ Mozarteum University Salzburg เลื่องชื่อในมาตรฐานที่สูงระดับโลกของการเรียนการสอนดนตรี และคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้ต่างก็เป็นนักดนตรีระดับท็อปจากทั่วโลก

นอกจากนี้ Salzburg ยังเป็นเมืองสำคัญในการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง The Sound of Music (1965) หนังเก่าคลาสสิกที่หลายคนต้องมีแผ่นไว้ติดบ้าน เรื่องราวของแม่ชีมาเรียและเด็กๆ กับการใช้ดนตรีเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต เป็นหนังที่มีเพลงติดหูเยอะมาก อย่างเช่น Do-Re-Mi, Edelweiss, My Favorite Things, Sixteen Going on Seventeen รวมทั้งเพลงชื่อเดียวกับหนัง The Sound of Music ฯลฯ

The Pavilion ที่ Hellbrunn Palace หนึ่งในฉากสำคัญของหนัง The Sound of Music

ฉากอมตะที่อยู่บนหน้าปกแผ่นหนัง คือฉากที่มาเรีย นางเอก วิ่งอยู่บนยอดเขาซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ ดอกไม้ และหญ้าเขียวชอุ่ม แต่ส่วนใหญ่แล้วสถานที่ถ่ายทำก็จะอยู่ในเมืองเก่าซาลส์บูร์ก การมาเที่ยวตามรอยด้วยตัวเองจึงถือเป็นเรื่องง่ายมาก ทุกอย่างอยู่ไม่ไกลจากกันนัก

Salzburg Card บัตรท่องเที่ยวพิเศษประจำเมือง ใช้ขึ้นบัสและเข้าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้ฟรี

การเที่ยวซาลส์บูร์กครั้งนี้ เราใช้ Salzburg Card ซึ่งเป็นบัตรท่องเที่ยวพิเศษประจำเมือง สามารถใช้ ขึ้นบัสเดินทางในเมืองได้ฟรี แล้วก็เข้าสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ได้ฟรีด้วย เช่น Salzburg Museum, Toy Museum, Christmas Museum, Mozart’s Birthplace, Mozart Sound and Film Collection, Salzburg Residenz Palace – State Rooms, DomQuartier Salzburg, Mönchsberg Lift ลิฟต์ขึ้นไปดูวิวมองเห็น Hohensalzburg และย่าน Old town ได้สวยงาม ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เราเลือก ได้แก่ 24 ชั่วโมง, 48 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง ซึ่งมันคุ้มค่ามากๆ เพราะเขาไม่ได้นับเป็นวัน แต่นับตามชั่วโมง เริ่มตั้งแต่การใช้งานครั้งแรก โดยราคาจะแตกต่างกันดังนี้

  • ช่วงวันที่ 1 มกราคม – 30 เมษายน และ 1 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม: 24 ชั่วโมง ราคา 27 euro, 48 ชั่วโมง ราคา 35 euro, 72 ชั่วโมง ราคา 40 euro
  • ช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม: 24 ชั่วโมง ราคา 30 euro, 48 ชั่วโมง ราคา 39 euro, 72 ชั่วโมง ราคา 45 euro

สามารถสั่งซื้อบัตร Salzburg Card ทางออนไลน์และรับ QR code ลงโทรศัพท์มือถือได้ ที่นี่ หรือซื้อเป็นรูปแบบบัตรแข็งกับทางโรงแรมที่พักในเมือง Salzburg, Tourist Information Office ในเมือง รวมไปถึงทางอีเมล cards@salzburg.info และโทร. +43662 88987-0

ดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมฟรีทั้งหมดสำหรับผู้ถือ Salzburg card ได้ที่ https://www.salzburg.info/en/hotels-offers/salzburg-card/free-admission

8 กิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยว Salzburg

1. ชมคอนเสิร์ตคลาสสิกที่ Mirabell Palace และเดินชมสวนดอกไม้ที่ Mirabell Gardens

– พระราชวังมิราแบล เป็นหนึ่งในฉากสุดคลาสสิกในหนังเรื่อง The Sound of Music ที่ครูมาเรีนมาร้องเพลง Do Re Mi กับเด็กๆ วังแห่งนี้สถาปัตยกรรมยุคบาโรกที่รายรอบไปด้วยสวนดอกไม้สุดโรแมนติก ซึ่งถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิ ก็จะเจอกับสีสันของดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง โรแมนติกมาก ประดับประดาด้วยสคัลป์เจอร์ที่สะท้อนถึงองค์ประกอบระหว่าง ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก The Historic Centre of the City of Salzburg UNESCO World Heritage Site อีกด้วย

คอนเสิร์ตคลาสสิกในพระราชวัง Mirabell

———————————————–

2. ล่องเรือที่แม่น้ำ Salzach

Salzach cruise

– แม่น้ำซาลซัคไหลผ่านกลางเมืองซาลส์บูร์ก เราสามารถไปขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือบริเวณฝั่งเมืองเก่า เป็นอีกวิธีในการชมเมือง และขุนเขา รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ โดยไม่ต้องเมื่อยขา

  • ราคาตั๋ว (ผู้ใหญ่) สำหรับ City round trip 16 euro (หรือใช้ Salzburg card ล่องเรือฟรี) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

———————————————–

3. แวะพิพิธภัณฑ์โมสาร์ท Mozart’s Birthplace

Mozart’s Birthplace

– บ้านสีเหลืองเลขที่ 9 เป็นสถานที่เกิดของโมสาร์ท และเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่กว่า 20 ปี ด้านในจึงออกแบบให้เหมือนกับตอนที่เขามีชีวิตอยู่มากที่สุด มีเครื่องดนตรี มีภาพวาด และเอกสารแต่งเพลงต่างๆ ที่เป็นลายมือของโมสาร์ท

เปิดทุกวัน 9.00-17.30น. (last admission 30 min. before closing)

ค่าตั๋ว (ผู้ใหญ่) 12 euro (หรือใช้ Salzburg card เข้าฟรี)

———————————————–

4. ดื่มกาแฟที่ Café Mozart

คาเฟ่โมสาร์ทในย่านเมืองเก่า มีกาแฟและขนมออสเตรียอร่อยๆ มากมาย
Salzburger Nockerl

– ไม่ไกลจากบ้านโมสาร์ท ก็จะมีคาเฟ่อันโด่งดังของเมืองอย่าง คาเฟ่ โมสาร์ท ที่ด้านในตกแต่งแบบหรูหรา นอกจากกาแฟรสชาติอร่อยแล้ว ยังมีขนมอร่อยๆ อีกเพียบ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Sacher-Torte เค้กช็อกโกแลตใส่แยมแแอปริคอต Sacher-Torte, Malakoff Cake เค้กสปอนจ์ที่อิ่มเอมด้วยรสชาติของวานิลลาและรัม, Mozartcake เค้กช็อกโกแลตที่ใส่ถั่วหลากชนิด นอกจากนี้ก็มีพวกชีสเค้ก ฟรุ๊ตเค้กตามฤดูกาล และสตรอว์เบอร์รี่ครีมเค้ก ฯลฯ

เปิดวันจันทร์-เสาร์ 8.00-21.00น.

———————————————–

5. คล้องกุญแจที่สะพานข้ามแม่น้ำซาลซัค

– ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนริเริ่มไอเดียนี้ แต่มันก็ทำให้สะพานข้ามแม่น้ำซาลซัคในเมืองซาลส์บูร์ก เต็มไปด้วยกุญแจหลากสีจากคู่รักทั่วโลก พากันจูงมือมาคล้องกุญแจที่นี่ เพราะเชื่อว่าจะเป็นการคล้องใจ คล้องความรักเอาไว้ โดยให้ความโรแมนติกของเมืองนี้เป็นพยาน

———————————————–

6. ช็อปปิ้งที่ถนน Getreidgasse

– ถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวง ทั้งแบรนด์เนม และร้านขายของที่ระลึก แล้วก็ร้านอาหารดีๆ มากมาย ทำให้การเดินเล่นในเมืองเก่ามีสีสันขึ้นมาก ใครอยากจะหาช็อกโกแลตโมสาร์ท หรือของที่ระลึกต่างๆ เกี่ยวกับโมสาร์ท มาเดินช็อปที่นี่เลยจ้า

———————————————–

7. เที่ยว DomQuartier และชมวิวมุมสูงที่ป้อม Festung Hohensalzburg

วิวมุมสูงของเมืองซาลส์บูร์ก

– ปราสาทและป้อมปราการตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขา เป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในยุโรปถึงแม้จะสร้างมานานกว่า 500 ปี เคยใช้เป็นที่พักของบาทหลวง และมีคุกใต้ดิน ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเราสามารถขึ้นไปชมวิวได้โดยรถราง

  • ราคาตั๋ว (ผู้ใหญ่) 10.3-16.6 euro ขึ้นอยู่กับความครอบคลุม เช่น ตั๋วรถรางขึ้น-ลง และบริเวณของสถานที่ที่ต้องการเยี่ยมชม
  • หรือสามารถใช้ Salzburg card เข้าฟรี (รวม Fortress funicular ขึ้นและลง)

———————————————–

8. The Sound of Music Tour

โบสถ์ Basilica Mondsee หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำหนัง The Sound of Music

– ทัวร์นี้สำหรับคนที่อยากไปตามรอยฉากถ่ายทำหนัง The Sound of Music โดยเฉพาะ ซึ่งในเมืองซาลส์บูร์กจะมีทัวร์ประเภทนี้ขายอยู่หลายเจ้า เป็นเดย์ทริป มีรถบัสเพนต์ลายตัวละครในหนัง มารับที่โรงแรมหรือตามจุดนัดต่างๆ ในช่วงเช้า บนรถเขาก็จะเปิดเพลงจากหนังเรื่องนี้ไปด้วยเพื่อสร้างอรรถรสความบันเทิง แล้วก็พาไปแวะสถานที่อย่าง โบสถ์ นอนน์แบร์ก (Stift Nonnberg), Hellbrunn, Mirabell Gardens, Mondsee Church, Leopold Palace เป็นต้น เป็นอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกสำหรับคนที่ไม่อยากกางแผนที่ไปเดินตามหาสถานที่เอง ได้ถ่ายรูปสวยๆ แล้วถ้าหากอยากจะกลับไปใช้เวลาที่ไหนเยอะๆ เป็นพิเศษ ทางไกด์ก็พร้อมให้คำแนะนำด้วยว่าต้องเดินทางยังไงจากตัวเมือง สามารถจองทัวร์ The Sound of Music ได้ที่ https://www.klook.com/th/activity/18243-sound-music-tour-salzburg/

ดูเพิ่มเติม การท่องเที่ยวเมืองซาลส์บูร์กได้ที่ www.salzburg.info การท่องเที่ยวออสเตรียได้ที่ austria.info หรือเฟสบุ๊ก: เที่ยววันหยุดพักผ่อนในออสเตรีย

อ่านบทความเที่ยวออสเตรียเพิ่มเติม

Leave a Reply