อินซ์บรูค (Innsbruck) เมืองหลวงของรัฐทิโรล (Tyrol) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังอีกเมืองหนึ่งของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก ไม่ไกลจากเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น Capital of Alps เพราะเป็นจุดพักระหว่างการเดินทางบนเทือกเขาแอลป์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหนในอินซ์บรูคก็จะมองเห็นเทือกเขาแอลป์ได้ตลอดเวลาเพราะมันล้อมรอบเมืองอยู่ ในหน้าหนาวผู้คนมักจะมาเล่นสกี ส่วนหน้าร้อนก็จะนิยมมา hiking ปิกนิก แล้วก็เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสีพาสเทล สวยงามตามสไตล์ของสถาปัตยกรรมยุคบาโรก
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Innsbruck.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
เราเดินทางจากเมืองซาลส์บูร์ก (Salzburg) โดยรถไฟ Regional Express ที่สถานี Salzburg Hbf ยิงตรงมาถึงสถานี Innsbruck Hbf ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 48 นาที
เช็คเวลาและซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ https://www.thetrainline.com/
- อ่านรีวิวที่พักได้ที่ Hotel Adlers Innsbruck โรงแรมที่สูงที่สุดในอินซ์บรูคพร้อมวิวเทือกเขาแอลป์ ทิโรล 180 องศา
- อ่านรีวิวเที่ยวเมือง Salzburg ได้ที่ เที่ยว Salzburg บ้านเกิดโมสาร์ทและกิจกรรมห้ามพลาดด้วย Salzburg Card 48 ชั่วโมง
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-6-1.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-7-1.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
Innsbruck Card บัตรท่องเที่ยวอินซ์บรูค เข้าสถานที่เที่ยวได้หลายแห่ง และเดินทางในเมืองไม่จำกัดเที่ยว
เราแนะนำให้ทุกคนซื้อบัตรท่องเที่ยว Innsbruck Card เพราะนอกจากจะใช้เข้าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งได้ฟรี ทั้งพระราชวัง มิวเซียมกว่า 22 แห่ง ขึ้นเคเบิ้ลไปยอดเขา เข้าชม Swarovski Crystal World นั่งรถ sightseer hop-on-hop-off bus แล้วก็ยังใช้โดยสารรถสาธารณะในเมืองได้ฟรีแบบ unlimited ตามจำนวนชั่วโมงที่เราซื้อไว้ ได้แก่ 24 ชั่วโมง (53 euro) 48 ชั่วโมง (63 euro) และ 72 ชั่วโมง (73 euro) สามารถหาซื้อได้ที่ Tourist Information Centre ตามรีเซปชั่นโรงแรม ในมิวเซียมใหญ่ๆ ร้านขายบุหรี่ที่สนามบิน หรือสั่งออนไลน์ง่ายๆ ที่นี่ https://www.innsbruck-shop.com/en/innsbruck-cards
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3501_800x600-rotated.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
พกบัตรนี้ติดตัวไว้เสมอเพื่อแสดงแก่เจ้าหน้าที่ตามสถานที่ท่องเที่ยว บัตรจะเริ่มนับเวลาตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้บัตร คุ้มค่ามากมายแถมง่ายกับชีวิตด้วยค่ะ ไม่ต้องคอยยุ่งยากซื้อตั๋วเดินทางอะไรอีกเลย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1408_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1395_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
อากาศในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม กำลังเย็นสบาย ค่อนไปทางร้อนนิดหน่อยในช่วงเที่ยงๆ บ่ายๆ บนภูเขาไม่ค่อยเหลือร่องรอยของหิมะแล้ว เราเริ่มออกสำรวจเมืองในย่านเมืองเก่าก่อน ด้วยการเดินไปเรื่อยๆ จากโรงแรม เราพบว่าอินซ์บรูคเป็นเมืองเล็ก และดูปลอดภัยกว่าซาลส์บูร์กประมาณหนึ่ง เพราะเรายังไม่เห็นโฮมเลสเลย และเมืองค่อนข้างสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย และการเดินทางในตัวเมืองสะดวกสบายมาก
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1377_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
เดินชิลในย่านเมืองเก่า สำรวจสถาปัตยกรรมบาโรก และบ้านสีลูกกวาด
สถาปัตยกรรมที่นี่สวยจริงๆ ค่ะ มันมีความขลังด้วยอายุที่เก่าแก่ ดูใหญ่โตโอ่อ่า แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความน่ารัก ด้วยสีสันต่างๆ และแดดแบบนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูสดใส ผู้คนจึงออกมานั่งตามร้านกาแฟและน้ำพุกันเต็มไปหมด
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-3-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
จุดที่เราควรเดินไปดูสถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่า เริ่มจากประตูชัยอินซ์บรูค (Triumphal Arch, Innsbruck) ประตูชัยโรมันสองฝั่งเหนือและใต้ที่พระนางมาเรีย เทเรซ่า จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันช่วงศตวรรษที่ 18 โปรดให้สร้างขึ้นสำหรับวาระงานแต่งงานของลูกชาย แต่ไม่นานพระนางก็สูญเสียสามี มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขและความเศร้า
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-8-1.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
แลนด์มาร์กต่อมาก็คือตึกที่มีหลังคาสีทอง Goldenes Dachl อายุกว่า 500 ปี หลังคาสไตล์โกธิคผสมบาโรกนี้ใช้กระเบื้องทองแดงปิดทองจำนวนเกือบสามพันแผ่น สร้างโดยพระประสงค์ของจักรพรรดิแม็กซิมิเลียน (Emperor Maximilian) ผู้โปรดปรานการยืนชมวิว การแข่งขัน หรืองานเทศกาลต่างๆ ที่ระเบียง ใครอยากขึ้นไปถ่ายรูป สามารถเดินขึ้นบันไดไปยังหอ Stadtturn ได้ เปิดตั้งแต่ 10.00-20.00น. แต่ถ้าอยากชมอาคารบ้านเรือนที่เป็นสีพาสเทล เราต้องเดินไปตรงสะพานอินซ์บรูค ที่ทอดผ่านแม่น้ำอินน์ (Inn river) ถึงจะเจอกับมุมถ่ายรูปแบบในโปสการ์ดที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ค่ะ และสะพานตรงนี้นี่เองที่เป็นที่มาของชื่อเมือง ‘Innsbruck’ ซึ่งแปลว่า ‘สะพานข้ามแม่น้ำอินน์’
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-1-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000118595_Winterliebe-Innsbruck_Oesterreich-Werbung_Torsten-Muehlbacher_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ไม่ไกลจาก Golden roof เราจะเจอกับมหาวิหารประจำเมืองสไตล์บาโรก Dom zu St. Jakob โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ ตั้งตระหง่านอยู่กลางเขตเมืองเก่า ด้านในมีภาพวาดฝาผนังของศิลปินชาวเยอรมัน Lucas Cranach ก่อนจะเดินต่อไปยัง Hofburg Palace และ Hofkirche Court Church ซึ่งเป็นอีกแห่งที่พลาดไม่ได้ เพราะถือเป็น 1 ใน 3 อาคารทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในประเทศออสเตรีย (อีกสองแห่งคือพระราชวัง Hofburg และพระราชวัง Schönbrunn ในกรุงเวียนนา) โดยเขาจะเปิดให้ชมทุกวัน 9.00-17.00น.
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-9-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-10-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-5-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ขึ้นยอดเขาสูงสุด Innsbruck summit
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวอินซ์บรูค คือการขึ้นยอดเขานอร์ดเคทเทอ (Nordkette) เพื่อมาชมวิวของเมืองอินซ์บรูคทั้งเมือง แล้วก็พบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ แบบที่เขากล่าวไว้เลยว่าเหมือนถูกภูเขาโอบกอด มันเป็นแบบนี้นี่เอง อากาศข้างบนบริสุทธิ์มากๆ เราอยากจะกักเก็บลมหายใจได้ เอาไว้กลับมาหายใจต่อตอนอยู่กรุงเทพฯ จัง
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1376_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
อย่าลืมพกบัตร Innsbruck card มาด้วย เพราะขึ้นฟรีผ่านหมดทุกด่าน โดยไม่ต้องไปติดต่อ Ticket counter ใดๆ สามารถใช้บัตรนี้แตะที่ประตูช่องทางเข้าได้เลย มันคุ้มมากจริงๆ เพราะไม่งั้นเราต้องจ่ายค่าเคเบิ้ลคาร์ขึ้นยอดเขา ราคาไปกลับตั้ง 34.50 euro ต่อคน
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000032753_Nordkettenbahn-Station-Hungerburgbahn-Innsbruck_Innsbruck-Tourismus_Christof-Lackner_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000079324_Nordkettenbahn-Seegrube-Innsbruck_Innsbruck-Tourismus_Christof-Lackner_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
การเดินทางจะเริ่มที่สถานี Hungerburgbahn Station Congress เพื่อขึ้นเคเบิ้ลคาร์มาแวะสถานี Hungerburg ที่หน้าตาโมเดิร์นหน่อย ออกแบบโดย Zaha Hadid สถาปนิกชื่อดัง ต่อด้วยสถานี Seegrube มีร้านอาหารวิวปังและลานสกี แล้วก็ขึ้นยอดสุดที่สถานี Hafelekarspitze ซึ่งแนะนำว่ายังไงมาถึงอินซ์บรูคแล้ว ต้องมาถึงยอดเขาสูงสุดให้ได้ค่ะ หน้าหนาวมันคงจะหนาวน่าดู เพราะขนาดหน้าร้อน เวลามีลมพัดมา ก็ยังหนาวขนลุกเหมือนกัน ยังไงต้องเตรียมแจ๊กเก็ตมาด้วยนะ
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1354_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1343_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1340_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
วันที่สองในอินซ์บรูคกับการเที่ยวชมเมืองด้วย sightseer Innsbruck hop-on-hop-off bus
วิธีที่ง่ายที่สุดคือเราสามารถไปขึ้นรถ sightseer ได้ที่สถานีรถไฟ Innsbruck Hbf ซึ่งมันจะมีช่องจอดรถบัสหลายๆ ช่องอยู่ด้านหน้าสถานีเลย รถจะสีแดง และหน้าตาเหมือนรถเมล์แหละค่ะ แต่มีคำว่า sightseer อยู่ด้านหน้ารถ มันจะพาเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมืองอินซ์บรูค เราจะขึ้นลงกี่รอบตรงไหนก็ได้ตราบเท่าที่บัตร Innsbruck card ของเรายังไม่หมดเวลา เช็คตารางเวลาของรถได้ที่ https://www.innsbruck.info/sehenswuerdigkeiten/sightseeing/sightseer.html
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3608_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3613_800x600-rotated.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อบัตร Innsbruck Card และต้องการซื้อเฉพาะตั๋วรถ sightseer Innsbruck hop-on-hop-off bus ราคาตั๋วผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 20 euro (เพราะฉะนั้นเราแนะนำให้ซื้อ Innsbruck card เถอะ มันคุ้มกว่าเยอะ)
นี่ก็คือสถานที่ไฮไลท์ที่เรานั่งเจ้ารถบัสคันแดงนี้ไปเที่ยวค่ะ
10.00 ขึ้นรถ Sightseer ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ Innsbruck Hbf
10.30 Ambras Castle
11.50 ขึ้นรถ Sightseer bus ไปยัง Bergisel Ski Jump
12.02 ถึง Bergisel Ski Jump และ Tirol Panorama Museum
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/Untitled-2-1.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000119091_Winter-in-Innsbruck-Ambras-Castle-Spanish-Hall_Oesterreich-Werbung_Lot-Wildiers-reisgoesting-be-_800x553.jpg?resize=640%2C442&ssl=1)
Ambras Castle หรือ Schloss Ambras อยู่ห่างจากใจกลางอินซ์บรูคไปประมาณ 20 นาที ปราสาทอัมบราสแห่งนี้คือภาพที่เราเห็นอยู่ในหน้าเว็บไซต์การท่องเที่ยวอินซ์บรูค และหน้าปกของหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง แสดงว่าเราพลาดไม่ได้เลยเชียว เป็นสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เคยเป็นที่พำนักของเหล่าเคานต์แห่งอันเดคส์ ด้านในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของราชวงศ์ เครื่องแต่งกายของราชวงศ์และบรรดานักรบในสมัยก่อน โดยเฉพาะใน Chamber of Arts and Curiosities จะจัดแสดงของมีค่าต่างๆ จากทั่วโลกที่เฟอร์ดินานด์เก็บสะสมมาตลอด ก่อนจะมาชม Spanish Hall เป็นโถงใหญ่ มีกระเบื้องปูพื้นที่วิจิตรสวยงาม รวมถึงเพดานไม้แกะสลักประณีต ในโอกาสสำคัญๆ ที่นี่ใช้เป็นสถานที่แสดงดนตรี ซึ่งเราสามารถดูรายละเอียดโปรแกรมการแสดงได้ที่ด้านหน้าทางเข้า
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000119032_Winter-in-Innsbruck-Bergisel-Sprungschanze_Oesterreich-Werbung_Lot-Wildiers-reisgoesting-be-_800x555.jpg?resize=640%2C444&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3779_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
Bergisel Ski Jump (แบร์คอีเซิลชันเซอ) คือสนามกีฬากระโดดสกีขนาดใหญ่ที่สร้างแล้วเสร็จในปี 1930 และเคยใช้เป็นสนามแข่งในช่วงโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาวที่ออสเตรียเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2012 และตอนนี้ก็กลายเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งของเมือง ด้วยลักษณะของสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น จนได้รับรางวัล Austrian State Prize ด้านสถาปัตยกรรมในปี 2002 เราสามารถกดลิฟต์ขึ้นไปด้านบนและเอนจอยวิวที่สวยงามของเมืองได้ด้วย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3743_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3757_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
Tirol Panorama Museum พิพิธภัณฑ์ทิโรล พาโนรามา บอกเล่าเรื่องราวของชาวทิโรล ชนชาติดั้งเดิมของแคว้นทิโรล ไฮไลท์ด้านในคือภาพสีน้ำมันแห่งทิโรลที่ใหญ่ที่สุด เป็นภาพวาดบนผืนแคนวาสในมุมมองแบบ 360 องศา ขนาดกว่า 1,000 ตารางเมตร แล้วจะมีห้องจัดแสดงหนึ่งของ Tyrolean Imperial Infantry ที่มีบานกระจกใหญ่ ตรงนั้นจะเห็นวิวเมืองและเทือกเขาแบบเต็มตา สวยงามมากๆ
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3630_800x600-rotated.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3632_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3643_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3720_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3721_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3753_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3755_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3760_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3767_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ชมการแสดงพื้นเมือง Tiroler Abend พร้อมทานอาหารเย็น
หากอยากสัมผัสวัฒนธรรมทิโรลมากขึ้น เราแนะนำให้มาชมการแสดง Tyrolean Evening Show โดย Gundolf Family สถานที่จัดแสดงอยู่ในอาคาร Alpensaal an der messe (expo) ซึ่งเดินได้จากใจกลางเมือง 10 นาที หรือนั่งรถแทรมสาย 1 โดยเขาจะเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองแล้วก็เครื่องดื่มในระหว่างชมการแสดงไปด้วย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3586_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3590_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ทั้งการร้องเพลงและการทำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า ‘yodelling’ ซึ่งสมัยก่อนเขาเอาไว้ใช้ส่งเสียงเรียกกันในฟาร์มตามภูเขา การบรรเลงดนตรีที่ฟังสบายแบบที่ชาวทิโรลเคยเอาไว้เล่นกันหลังจากเลิกงานในฟาร์มแล้วด้วยกีตาร์คลาสสิก ดับเบิ้ลเบส ฮาร์ป แอคคอร์เดียน ไปจนถึงการสร้างเสียงดนตรีด้วยแก้วใส่น้ำ กระดิ่ง หรือแม้แต่เลื่อย ต่อด้วยการเต้นสนุกๆ folk dance ที่จะมีเสียงรองเท้ากอบแกบกระทบกับเวที เรียกว่า shoe-slapping ซึ่งทุกคนจะแต่งกายมาในชุดพื้นเมืองของทิโรลจริงๆ ครอบครัวนี้เขาทำการแสดงมาตั้งแต่ปี 1967 เลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งความบันเทิงในช่วงอาหารเย็นที่ควรค่าแก่การได้มาสัมผัสประสบการณ์สักครั้ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tiroler-abend.com/en/
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3568_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3581_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3587_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3594_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
โลกแห่งคริสตัลที่บ้านเกิดของแบรนด์ Swarovski
ถ้ามาเที่ยวเมืองอินซ์บรูคแล้ว ยังไงต้องไม่พลาด มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สวารอฟสกี้ด้วย แต่มันจะอยู่ในเมือง Wattens ห่างจากอินซ์บรูคประมาณครึ่งชั่วโมง มีรถชัตเติ้ลบัสให้บริการจากสถานี Innsbruck Hbf
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000118158_Sommer-in-den-Swarovki-Kristallwelten_Swarovski-Kristalwelten_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
แดเนียล สวารอฟสกี้ (Daniel Swarovski) ก่อตั้งบริษัทเจียคริสตัลของเขาที่เมืองวัตเตนส์แห่งนี้เมื่อปี 1895 เขาไม่ได้มองคริสตัลเป็นแมตทีเรียล แต่เป็นแรงบันดาลใจ ด้วยวิสัยทัศน์นี้จึงมีการสร้าง Swarovski Kristallwelten (แปลว่าคริสตัลเวิลด์ของสวารอฟสกี) ขึ้นและเปิดให้บริการในปี 1995 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท โดยมีอองเดร เฮลเลอร์ (Andre Heller) ศิลปินหลากสื่อ เป็นผู้ออกแบบสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ด้านนอกมีไจแอนท์ที่ทำเป็นน้ำพุ สัญลักษณ์อันโดดเด่น โดยมีสวนคริสตัลอยู่รายรอบ เข้าไปเดินเล่นได้ ตกแต่งด้วย Crystal Cloud ที่ทำจากคริสตัลกว่า 600,000 ชิ้น ส่วนด้านในแบ่งเป็นห้องจัดแสดงต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวของคริสตัลสวารอฟสกี้ แตกต่างธีมกันไป
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1426_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
ห้องที่เราชอบที่สุดคงเป็นห้อง The Art of Performance ห้องใหม่ที่บอกเล่าการนำคริสตัลสวารอฟสกี้ไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกแห่งเอนเตอร์เทนเมนต์ ทั้งเครื่องแต่งกาย เวที แบ็กดร็อป หรือแม้แต่พร็อพหลายๆ ชิ้นที่ใช้ในการแสดงระดับโลก ผลงานของการออกแบบของเหล่าแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังที่ร่วมงานกับสวารอฟสกี้ โดยห้องนี้ก็ได้ wardrobe designer อย่าง Michael Schmidt มาคิวเรทสิ่งของล้ำค่าต่างๆ และมี Derek Mclane นักออกแแบบฉากมือรางวัลมาเป็นผู้ออกแบบพื้นที่
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1419_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
ของชิ้นสำคัญๆ ก็อย่างเช่น สลิปเปอร์ทับทิมของ Dorothy ถุงมือของ Michael Jackson และชุดเสื้อผ้าของ Simone Biles ซึ่งล้วนมีคริสตัลสวารอฟสกี้เป็นส่วนประกอบ เพื่อเฉิดฉายเปล่งประกายความเป็นตัวตนของพวกเขา นอกจากนี้ก็ยังมี Birthday Dress ของ Marilyn Monroe ต่อด้วยชุดและเอ็กเซสเซอรีส์ต่างๆ ของศิลปินชื่อดังอย่าง เลดี้ กาก้า บียอนเซ่ เคธี เพอร์รี่ เอลตัน จอห์น เป็นต้น
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1431_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1421_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1424_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1429_800x450-rotated.jpg?resize=450%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1434_800x450-rotated.jpg?resize=450%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1436_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1437_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
ในส่วนท้ายจะมี Swarovski Kristalwelten Store ให้เราได้ช็อปปิ้งโปรดักต์ของสวารอฟสกี้กันด้วย ตั้งแต่นาฬิกา อัญมณี เอ็กเซสเซอรี่อย่างสร้อย ต่างหู แหวน ฯลฯ และเมื่อเดินออกไปด้านนอก ก็จะพบกับร้านอาหาร Daniels Kristallwelten บรรยากาศดีมากๆ อยากให้ทุกคนได้ลองมาชิมทั้งอาหารและบรรยากาศ ไม่ว่าจะมาฤดูไหนก็สวยค่ะ
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3950_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3953_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3954_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3959_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
Swarovski Kristallwelten เปิดทุกวัน 9.00-19.00น. (last entry 18.00) ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://kristallwelten.swarovski.com/
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวใน Innsbruck ได้ที่ https://www.innsbruck.info/en/ และการท่องเที่ยวออสเตรียได้ที่ https://www.austria.info/en