นี่คือครั้งที่ 2 แล้ว ที่เรามาเมืองเอ็กซองโพรวองซ์ (Aix-en-Provence) เมืองที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นจุดหมายในฝันของคนที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวิถีชีวิตแบบ Provençal ท่ามกลางบรรยากาศที่มีทั้งกลิ่นอายความเก่าและวิถีชีวิตสมัยใหม่ ภาพของน้ำพุตามจุดต่างๆ ของเมือง แสงแดดอบอุ่นถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ได้รับแสงแดดมากกว่า 300 วัน/ปี ตลาดที่คึกคัก และผู้คนที่นั่งจิบกาแฟริมถนน เป็นภาพจำของเมืองเอ็กซ์ที่เราอยากเปิดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในด้านของศิลปะ Aix เป็นบ้านเกิดของปอล เซซานน์ (Paul Cézanne) นอกจากสตูดิโอห้องทำงานของเขาที่ให้เราเข้าไปเยี่ยมชมได้แล้ว เมืองเอ็กซ์ก็ยังมีมิวเซียมที่น่าสนใจให้ไปเยือนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Fondation Vasarély หรือ Hôtel de Caumont Art Centre ที่จัดวางงานศิลปะไว้เคียงข้างกาแฟหอมกรุ่น ในบรรยากาศแสนผ่อนคลายเสมอ

ในด้านวัฒนธรรม เมือง Aix มีขนม Calisson d’Aix เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ ขนมหวานฝรั่งเศสลักษณะคล้ายอัลมอนด์เพสต์ รูปทรงรีแบน เคลือบน้ำตาลไอซิ่ง มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ใครมาที่นี่ก็ต้องมาลองชิมรสชาติต้นตำรับจากร้านขนมเก่าแก่ในเมืองและซื้อกลับไปเป็นของฝาก ซึ่งชาวเอ็กซ์ถือเป็นขนมมงคลที่บอกเล่าประวัติศาสตร์และความรู้สึกผูกพันกับเมือง นอกจากนี้เขายังมีร้านอาหารใหม่ๆ ที่นำวัตถุดิบโพรวองซ์สดใหม่มาครีเอตเมนูน่าสนใจ หรือแม้แต่เมนูวีแกนที่กำลังได้รับความนิยม ผสานกับวัฒนธรรมการกินแบบ Provençal ที่เขาทานอาหารท้องถิ่นกับไวน์โรเซ่

ครั้งนี้เรายังคงสำรวจเมือง Aix ด้วยบัตร City Pass Aix-en-Provence อีกเช่นเคย บัตรสุดคุ้มของ Office de Tourisme ของ Aix-en-Provence ที่ให้เราเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะไม่จำกัดเขตใน Aix และ 35 เมืองรอบข้าง ใช้เข้าชมนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้ฟรี มีวอล์กกิ้งทัวร์ หรือใช้ขึ้น mini train เลาะไปตามซอกซอยเมืองเก่า และยังมีส่วนลดพิเศษสำหรับร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย มีให้เลือกแบบ 24 ชั่วโมง 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง ลดความยุ่งยากเพราะแค่แตะก็ตอบโจทย์ครบ แถมคุ้มมากๆ เลย สนใจดูราคาและซื้อออนไลน์ได้ที่ reservation.aixenprovencetourism.com
เรามาดู 10 สถานที่ไฮไลต์ ที่เที่ยว ที่กิน และร้านแนะนำในเมือง Aix กันเลย
1. Hôtel de Caumont – Centre d’Art

Hôtel de Caumont – Centre d’Art คือพระราชวังสไตล์บาโรกสุดหรูที่ได้รับการปรับปรุงเป็นศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมใจกลางเมือง Aix-en-Provence อดีตเป็นบ้านพักของตระกูลขุนนาง และได้รับการบูรณะอย่างประณีตเพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่นำเสนอการจัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียน รวมถึงนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยและคลาสสิก
อย่างช่วงที่เราไป เขากำลังจัดแสดงงานของ Niki de Saint Phalle ศิลปินหญิงลูกครึ่งชาวอเมริกัน-ฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่โดดเด่นที่สุดของศตวรรษที่ 20 เธอเริ่มต้นจากการเป็นนางแบบ ก่อนจะหันมาทำงานศิลปะเพราะอาการป่วยทางจิตใจช่วงวัยสาว เพื่อให้ศิลปะเป็นเครื่องมือเยียวยา งานของเธอจึงสะท้อนความเจ็บปวดส่วนตัวและต่อต้านความคิดชายเป็นใหญ่ อย่างงานชิ้นโด่งดัง ‘Shooting Paintings’ ที่เป็นการยิงปืนใส่แผ่นภาพที่มีสีอยู่ข้างในจนสีแตกกระจาย แต่สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ กลายเป็นการใช้สีสันฉูดฉาด เธอสร้างโลกศิลปะที่สนุกสนานลึกซึ้ง ชวนฝัน เต็มไปด้วยพลังบำบัด ทั้งต่อตัวเธอเองและผู้ชม จัดแสดงจนถึง 5 ตุลาคม 2025





ชั้นล่างมีร้านอาหารและคาเฟ่ Café Caumont ที่ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน พื้นที่บริเวณสวนเป็นอะไรที่ผ่อนคลายมากๆ เหมาะมานั่งจิบกาแฟ ทานของว่าง หรือจานหลัก ซึ่งเขาให้บริการอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น



https://www.caumont-centredart.com/en
2. Fondation Vasarély
นั่งรสบัสออกมานอกเมือง Aix แต่ City Pass ก็ยังครอบคลุมอยู่ ที่นี่คือศูนย์ศิลปะและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น สร้างโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส-ฮังการี วิกตอร์ วาซาเรลี (Victor Vasarély) ตัวตึกเป็นกล่องลายจุดโดดเด่นตัดกับสีท้องฟ้าสดใสเมื่อวันที่เราไปถึง ออกแบบโดย Vasarély ร่วมกับทีมสถาปนิก ฌอง ซอนนิเยร์ (Jean Sonnier) และโดมินิก รอนเซอเรย์ (Dominique Ronsseray) ด้านในประกอบด้วยห้องหกเหลี่ยม 16 ห้องวางเชื่อมต่อกัน มีทั้งส่วนที่เป็นนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียน

Vasarély โด่งดังมากในเรื่องของ optical art ความสนุกของการดูงานแบบนี้คือมันเล่นกับดวงตาและการรับรู้ของสมองเรา มันเล่นกับทั้งอารมณ์และความคิด มีความเป็นวิทย์+ศิลป์ ผสมกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่ใช้ แบบสดและเจิดจ้าไปเลย จนถึงสีขาวดำ ไหนจะรูปทรงเรขาคณิตที่ก่อเกิดมิติและภาพลวงตาต่างๆ กระตุ้นให้เราคิดว่าภาพตรงหน้ามีจุดรวมกันกี่จุด แล้วระยะที่ยืนมองภาพก็มีผลกับการตีความที่ต่างไป เดินๆ ไป จะเริ่มมึนงง เหมือนเราเดินอยู่ในเกมหรืองานกราฟิกใหญ่ๆ



www.fondationvasarely.org/en/victor-vasarely
3. Calissons Brémond
ประวัติศาสตร์และตำนานความอร่อยอยู่ที่นี่ ร้านขนมหวานชื่อดังแห่งแคว้นโพรวองซ์ อย่างที่เรารู้กันว่ากาลิสซงเป็นขนมฝรั่งเศสประจำเมือง Aix มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และถือเป็น 1 ในขนม 13 ชนิดของคริสต์มาสโพรวองซ์ ลักษณะเป็นเนื้อเนียนนุ่ม มีไส้ด้านในเป็นผลไม้ นิยมใช้เมลอนและส้ม วางอัลมอนด์เป็นฐาน และโรยน้ำตาลไอซิ่งบางๆ ด้วยความที่เมือง Aix มีการปลูกอัลมอนด์กันแพร่หลาย ทำให้ขนมกาลิสซงส่วนใหญ่ในโลกผลิตจากที่นี่

สำหรับ Maison Brémond มีสูตรกาลิสซงดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1830 ผสมระหว่างอัลมอนด์บดและเมลอนกัมมี่บนแผ่นกระดาษข้าว แล้วเคลือบน้ำตาล เขาผลิตแบบงานฝีมือและใช้สูตรกว่า 190 ปีที่ไม่เปลี่ยน เหมาะเป็นของฝากจากโพรวองซ์ เพราะแพ็กเกจสวยงามแถมเปี่ยมด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
4. Léonard Parli

อีกหนึ่งร้านขนมหวานโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งเอ็กซองโพรวองซ์ ซึ่งโด่งดังไม่แพ้กัน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1874 โดย เลโอนาร์ ปาร์ลี (Léonard Parli) เชฟทำขนมสัญชาติสวิสที่เข้ามาตั้งรกรากที่เมืองเอ็กซ์ และเป็นผู้ก่อตั้งโรงงานคาลิสซงแห่งแรกในเมือง เขาพัฒนาการผลิตด้วยเครื่องจักรที่คิดค้นเองตั้งแต่ปี 1875 จนผลิตได้ถึง 300 กก./วัน และก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่ในช่วงปี 1920 บนถนน Victor Hugo พร้อมโล่คริสต์สวิส-โพรวองซ์สื่อถึงรากเหง้าและความภาคภูมิใจของเขา
ใครมาที่นี่ต้องซื้อ Calissons d’Aix สูตรต้นตำรับ ซึ่งใช้อัลมอนด์คุณภาพสูง 42% นวดในเครื่องหินแกรนิตให้ได้เนื้อสัมผัสเฉพาะตัวก่อนขึ้นรูปและเคลือบน้ำตาลขาวแบบดั้งเดิม นอกจาก Calissons ยังมี ผลไม้กัมมี่, ขนม Nougat, ช็อกโกแลตบาร์ จากเมล็ดพืชแบบโมโน-ออริจิน, ขนม travel cake แบบ Kirsch‑bescue, และสเปรด Calisson cream
และถ้าใครสนใจกิจกรรมสนุกๆ แนะนำให้ไปที่โรงงาน (La Grande Fabrique) ที่ Les Milles เขาเปิดให้เข้าชมแบบมีไกด์ จองล่วงหน้าปีละ 2–3 รอบ (อย่างน้อย 6 คน/ทัวร์) ผู้เข้าชมจะได้ใส่หมวก ลองดูวิธีทำคาลิสซง และชิมฟรีในราคาไม่แพง (ค่าเข้าประมาณ 5 ยูโร ตัดกับยอดซื้อได้)
5. Boulangerie Jacob’s (Pain de Tradition Francaise)

ร้านขนมปังและขนมอบใจกลางเอ็กซองโพรวองซ์ โดดเด่นด้วยหน้าร้านที่ตกแต่งด้วยไม้สไตล์ดั้งเดิม ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเชิญชวน นอกจากขนมปังสดใหม่และครัวซองต์ บาแก็ตต์กรอบนอกนุ่มในแล้ว หลายคนยกให้ pain au chocolat หรือขนมปังช็อกโกแลตของร้านนี้ดีที่สุดในย่านนี้เลยทีเดียว
นอกจากนั้นก็จะมีเค้ก เดลิเซ่ไวท์ช็อกโกแลต สลัด แซนด์วิช พิซซ่า และทาปาสเล็กๆ แบบพร้อมทาน ถ้ามองหาขนมปังฝรั่งเศสแท้ๆ ในบรรยากาศร้านอบแบบดั้งเดิม ในราคาเป็นมิตร แนะนำร้านนี้เลย



www.instagram.com/boulangerie.jacobs
6. Aux Pâtes Fraîches

ใครเป็นสายพาสต้า นี่คือร้านอิตาเลียนที่แทรกตัวอยู่ในใจกลางเมืองเอ็กซ์ เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1981 โดย Aldo ชาวอิตาเลียน จากแคว้นอับรุตโตในอิตาลี ส่วนตอนนี้มีผู้ที่เข้ามารับช่วงดูแลต่อจากครอบครัวดั้งเดิม ก็คือ Charles Fourmon และ Pierre-Antoine Frappa แต่ยังคงเอกลักษณ์ของโปรดักต์โฮมเมดทั้งหมด และความสดแบบวันต่อวันของพาสต้าทุกชนิด ตั้งแต่ Tagliatelles, raviolis, spaghetti, gnocchis, lasagne ผลิตในร้านทุกเช้า ตามมาด้วยเครื่องเทศเมดิเตอร์เรเนียน มีชีส แฮมแห้ง ไส้กรอก Antipasti และของกินดี ๆ เช่น น้ำมันมะกอก, ทาปีนาด, กรีซซินี และแยมคุณภาพ


นอกจากนี้ยังมีไวน์-เบียร์ท้องถิ่น คัดสรรร่วมกับ Mademoiselle Wine ให้เลือกดื่มคู่กับพาสต้าโดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่หลงใหลอาหารอิตาเลียน อยากไปสัมผัสประสบการณ์พาสต้าแท้ๆ ท่ามกลางกลิ่นแป้งมะกอกสด และความดั้งเดิมของร้านอายุ 140 ปี แวะไปชมการผลิตพาสต้าสดๆ กันในร้าน หรือจะซื้อพาสต้าคุณภาพสูงและวินเทจกลับไปเป็นของฝากระดับพรีเมียมก็ไม่ซ้ำใครแน่นอน
www.instagram.com/auxpatesfraiches
7. La Rotonde และ Cours Mirabeau

นี่คือจุดนัดพบสำคัญในเมือง Aix เพราะ La Rotonde เป็นน้ำพุขนาดใหญ่อยู่ตรงวงเวียน เป็นจุดเริ่มต้นเดินเที่ยวในเมืองเก่า เชื่อมกับปลายถนน Cours Mirabeau ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมือง เต็มไปด้วยต้นไม้เรียงรายสองข้างทาง มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร และบูติกต่างๆ ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจะมาเดินเล่น จิบกาแฟ ชมบรรยากาศ มีตลาดทุกวันอังคาร พฤหัส ขายสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า งานผ้า เครื่องครัว ของแต่งบ้าน งานฝีมือ และของสด ผักผลไม้ และผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่น

นอกจากนี้ยังเป็นที่จัดงานอีเวนต์สำคัญ อย่างวันที่เราไปโชคดีมากที่ได้ร่วมฉลอง Victory in Europe Day 8 พฤษภาคม 1945 ซึ่งเป็นวันแห่งชัยชนะในยุโรป รำลึกชัยชนะเหนือนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการเดินขบวนจากหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น



8. Café du Palais
ร้านบิสโตร-บราสเซอรีใจกลาง Aix‑en‑Provence บน Place des Prêcheurs ตรงข้ามศาลากลาง เป็นจุดนัดพบยอดฮิตในย่านเมืองเก่า แต่งร้านใหม่ในปี 2019 ด้วยโทนสีเขียวมะกอก เทา ดำและครีม พร้อมม้านั่งหนังและหน้าโต๊ะหินอ่อนสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก พื้นที่แบ่งเป็นโซนในและ เทอร์เรซกว้าง รองรับทั้งลมและแสงแดด เหมาะกับการจิบกาแฟตอนเช้าหรือดินเนอร์ใต้แสงดาว เมนูแนะนำได้แก่ Calamars persillade, Avocado waffle, Tartare, สลัด พาสต้า พิซซ่า และปลาหมึกทอด ส่วนของหวานยอดนิยมคือวาฟเฟิลราดช็อกโกแลตสด และไอศกรีมโดย Philippe Faur

www.instagram.com/cafedupalais_aixenprovence
9. Jörgï

ชื่อร้านอ่านว่า ยอร์กี เป็นร้านอาหารสายสุขภาพ ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศดีมาก อยู่ติดกับร้านขายเสื้อผ้าวินเทจ เน้นเมนูสดใหม่ คลีน และสร้างความน่าสนใจด้วยการให้ลูกค้าเลือกวัตถุดิบเอง เช่น Bar à Salades เลือกได้เองระหว่างพาสต้า ควินัว หรือผักสลัดเป็นฐาน และบวกท็อปปิ้งกว่า 20 อย่าง, Tartines ขนมปังบ้าน (pain de campagne) ท็อปด้วยแซลมอนรมควัน อะโวคาโด มอสซาเรลลา Stracciatella (ชีสสดเนื้อครีม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Burrata) chives (ต้นหอมฝรั่งสับ), Wraps ไก่พาเมซาน–มะเขือเทศเชอร์รี–ผัก–ซอสซีซาร์ ก่อนตบท้ายด้วยของหวานทำเอง อย่าง ทิรามิสุ banana & cookies, fruits du marché แนะนำใครหาที่ทานมื้อกลางวันเบาๆ แวะมาได้เลย
10. Colde

ร้านนี้อยู่ที่ Cours Mirabeau ใจกลางเมืองเอ็กซ์ ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า บรันช์ มื้อกลางวัน ไปจนถึงมื้อค่ำ นี่คือร้านอาหารที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสูตรอาหารดั้งดิมและรสชาติที่แปลกใหม่ ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่นสดใหม่ตามฤดูกาล เป็นโฮมเมด 100% เมนูหลากหลาย ทั้งแซนด์วิช โทสต์ เบอร์เกอร์ สลัด พาสต้า และ Buddha Bowl แถมมีเมนูวีแกนด้วย เราได้ลองแพนเค้ก อโวคาโดโทสต์ แล้วก็ Croque-monsieur รวมไปถึงของหวานที่ทางร้านทำเองอย่างเค้กแครอต Banana bread และทิรามิสุ ส่วนเครื่องดื่มมีไวน์ เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้สด ชา หรือน้ำเลมอนโฮมเมด ที่สำคัญบรรยากาศของที่นั่งเอาท์ดอร์เพลินตาเพลินใจมาก