นีซคือเมืองตากอากาศอันดับ 1 ของฝรั่งเศส อยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของประเทศที่เขาเรียกกันว่า โกต ดา ซูร์ (Côte d’Azur) หรือ เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera) ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของท้องทะเล บรรยากาศริมหาด อากาศดีๆ และความชิคๆ สไตล์ฝรั่งเศส

นีซมีความเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดๆ เพราะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในแถบเฟรนช์ ริเวียร่า ดังนั้นจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก มีอ่าว มีเกาะแก่งให้สำรวจเต็มไปหมด แถมยังสามารถนั่งรถไฟ รถบัส ไปเที่ยวเมืองใกล้เคียงในแถบเฟรนช์ ริเวียร่า ได้ค่อนข้างสะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็น Cannes, Antibes, Villefranche, Menton, St.Tropez หรือแม้แต่จะเข้าไปประเทศโมนาโก ประเทศเล็กๆ แต่ร่ำรวยมหาศาล ดังนั้นการมาใช้เวลาที่นีซ ควรจะมีสัก 4-5 วันเป็นอย่างน้อย (แต่ถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากอยู่ไปสักเดือนเลยด้วยซ้ำ)

French Riviera vs Italian Riviera

หลังจากที่เราไปสำรวจ อิตาเลียน ริเวียร่า มาแล้ว พอเดินทางเข้ามายังเฟรนช์ ริเวียร่า เราพบว่าแม้จะเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเหมือนกัน แต่บรรยากาศและฟีลลิ่งไม่เหมือนกัน ฝรั่งเศสจะมีความชิค ความลักชัวรี่ ขึ้นมาอีกระดับ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของสิ่งต่างๆ ก็เหมือนจะแพงกว่าฝั่งอิตาลีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายอรรถรสมากกว่า นอกจากชายหาดสวยๆ แล้ว ยังมีมิวเซียม วิลล่า ตึกเก่าสวยๆ ตลาดสไตล์โพรวองซ์ขายดอกไม้และอาหารสด อีกทั้งยังมีการเดินทางสาธารณะที่สะดวกมากกว่า รถไฟ รถเมล์ เรือ รวมถึงจักรยานและสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าที่มีให้เช่าอยู่มากมายหลายจุด

ในขณะที่คนไทยเราคุ้นเคยกับชายหาดที่เป็นทราย แต่ชายหาดที่นีซจะเป็นหินกรวด ข้อดีคือเวลาเดินเหมือนได้นวดเท้าไปด้วย เหยียบลงไปไม่เจ็บ แถมยังไม่เลอะเทอะติดเท้า เหมือนเวลาเราเดินหาดทรายแล้วต้องมาเคาะทรายออกจากรองเท้าเท่าไรก็ไม่หมด และบนชายหาดก็จะมีคนทำกิจกรรมอยู่มากมาย ตั้งแต่นอนอาบแดด เล่นวอลเลย์บอล เล่นน้ำทะเล พายเรือคายัค และบางคนก็มาวิ่งออกกำลังบนนถนนเลียบหาด

การเที่ยวนีซอาจจะดูหรูหรา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบบานปลายเยอะแยะ ถ้าเรารู้เคล็ดลับ La Vie en Road เลยอยากมาแชร์เทคนิคดีๆ ในการเที่ยวนีซ อย่างการใช้บัตรท่องเที่ยว French Riviera Pass ที่จะทำให้เราเข้าสถานที่ท่องเที่ยวได้หลายแห่งและทำกิจกรรมได้หลายอย่างโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ช่วยเราประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะ โดยจะมีราคาตั้งแต่ 28 euro สำหรับ 24 ชั่วโมง, 40 euro สำหรับ 48 ชั่วโมง และ 59 euro สำหรับ 72 ชั่วโมง

10 ไฮไลท์ที่เที่ยว Nice แบบฟรีๆ ด้วยบัตรท่องเที่ยว French Riviera Pass

  1. Nice Le Grand Tour รถทัวร์สองชั้นที่จะพาเราไปทัวร์เมืองนีซ พร้อมคำอธิบายข้อมูลที่มีให้เลือก 9 ภาษา ผ่านไปตามตึกสวยๆ สถานที่สำคัญของเมือง และสถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆ เป็นการพรีวิวให้เรารู้จักเมืองนีซโดยรวมแบบไม่ต้องเดิน ทั้งหมดใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที (สามารถขึ้นและลงป้ายไหนก็ได้ ในทั้งหมด 12 ป้าย อย่างไม่จำกัดใน 1 วัน)
Tourist train ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2. Tourist Train รถไฟพลังงานไฟฟ้าสุดน่ารักขบวนนี้เป็นอีกทางเลือกของการพรีวิวบรรยากาศเมืองนีซแบบรักษ์โลก โดยเขาจะเริ่มออกเดินทางที่ถนน Promenade des Anglais ตรงแถวๆ Centenary monument และจะแล่นไปตามถนนใหญ่ ก่อนจะเลาะเลี้ยวเข้าไปยังถนนและซอยเล็กๆ ในเมืองเก่า ผ่านโบสถ์ ผ่านมิวเซียม และสถานที่สำคัญมากมาย โดยมี audio guide 8 ภาษา ให้เลือกเปิดฟังข้อมูล ใช้เวลาทั้งหมด 45 นาที

3. Villa et Jardins Ephrussi de Rothschild วิลล่าหรูริมทะเลของตระกูลที่รวยที่สุดในโลกอย่าง Rothschild ตั้งอยู่ที่ Saint-Jean-Cap-Ferrat มีเนื้อที่กว้างขวาง ด้านในมีห้องและไพรเวทอพาร์ตเมนต์มากมาย เก็บรักษาของล้ำค่าอย่างพอร์ซเลนหรืองานศิลปะต่างๆ สวนด้านนอกตกแต่งได้อย่างสวยหรูอลังการ ประดับประดาน้ำพุ สระน้ำ และปลูกดอกไม้นานาพรรณ

Villa et Jardins Ephrussi de Rothschild

4. Musée Matisse นี่คือมิวเซียมในเมืองนีซที่เราไม่อยากให้คุณพลาด เพราะอองรี มาติสส์ (Henri Matisse) เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสที่มีผลงานโดดเด่นในเรื่องการใช้สีสันตัดกันอย่างไหลลื่นลงตัว หลายคนต้องเคยเห็นภาพวาดลายเส้นเรียบๆ รูปหน้าคนที่อยู่ตามร้านขายของแต่งบ้าน ตามรูปใน Pinterest และ Instagram เรียกได้ว่าศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งแห่งต้นศตวรรษที่ 20 คนนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจมาจนถึงยุคปัจจุบัน หลายคนนิยมนำภาพของเขามาใส่กรอบแล้วก็แต่งห้องในสไตล์มินิมัล นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะที่ใช้เทคนิคการตัดกระดาษเป็นรูปทรงเรขาคณิต รูปทรงใบไม้ หรือแม้แต่ภาพนู้ดของผู้หญิง เอามาเล่นกับสีสันแปลกตา ซึ่งคนในยุคปัจจุบันก็ชอบเอาไปแต่งห้องแบบเข้ากับใบมอนสเตอร่าสุดๆ และในพิพิธภัณฑ์มาติสส์ที่เมืองนีซ ก็ถือว่าเป็นที่ที่รวมคอลเลกชั่นที่ใหญ่ที่สุดของเขา ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนวิวัฒนาการมาถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต

Musée Matisse

5. Cap Ferrat Watersports ใครชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำ สามารถนั่งรถบัสจากนีซมาที่ Saint-Jean-Cap-Ferrat เพื่อมาเอนจอยชายหาดที่สงบเงียบกว่าที่นีซ แล้วก็เล่นแพดเดิลบอร์ดได้ฟรี 1 ชั่วโมงด้วยบัตร French Riviera Pass หรือรับส่วนลดกับกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์ขึ้นมาอีกนิดอย่าง เวคบอร์ด สกีทูบว์ พาราเซล ฯลฯ จองล่วงหน้าได้ที่ CONTACT@CAPFERRATWATERSPORTS.COM

6. E-scooter สำรวจใจกลางเมืองนีซด้วยตัวเองแบบช้าๆ ด้วยการเช่าสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าที่สถานีสกู๊ตเตอร์ตรง St-Jean-Cap-Ferrat : tabac du Port สำหรับผู้ถือบัตร French Riviera Pass สามารถใช้สกู๊ตเตอร์ได้ฟรี 1 ชั่วโมง

7. Eze Village หรือหมู่บ้านเอซ เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ควรแวะเวียนมาเยี่ยมชม เพราะได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านน่ารักที่สุดแห่งหนึ่งในโกต ดา ซูร์ ด้วยเสน่ห์ของความเก่าของสถาปัตยกรรมตั้งแต่ยุคกลาง อีกทั้งยังมีสวนเอ็กโซติกภายในหมู่บ้านเอซ ที่ชื่อ Jardin Exotique D’Eze ซึ่งบัตร French Riviera Pass สามารถให้เราเข้าชมในโซนนี้ได้ฟรี ภายในจะมีต้นไม้แปลกๆ หายากจากหลากหลายมุมของโลก โดยที่มองไปเห็นวิวเมดิเตอร์เรเนียนจากความสูง 429 เมตรเหนือทะเล

Eze village

8. ชิม Socca ฟรีที่ร้าน Chez Thérésa ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองนีซมาตั้งแต่ปี 1925 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าของนีซ ไม่ไกลจาก Cours Saleya ภาพที่เห็นคือจะมีคนมาต่อแถวซื้อ Socca อาหารท้องถิ่นของเมืองนีซ กันที่หน้าร้านนี้เต็มไปหมด โดยเราสามารถใช้บัตร French Riviera Pass มารับ Socca ได้ฟรี 1 ชิ้น หน้าตาจะคล้ายแพนเค้กแต่เป็นแป้งบางกรอบ มีขนาดใหญ่กว่า อบจนเกรียมกำลังดี ต้องทานตอนร้อนๆ จะอร่อยมาก

9. ค็อกเทลและชิปส์ฟรีที่ Hard Rock Café ที่ถนน Promenade des Anglais เลียบชายหาดนีซ เราสามารถใช้บัตร French Riviera Pass มานั่งกินบรรยากาศ ฟังดนตรี แล้วก็เอนจอยเครื่องดื่มกับมันฝรั่ง ให้สดชื่น ก่อนจะออกไปสำรวจใจกลางเมืองนีซต่อ

10. ล่องครุยส์กับ Trans Côte d’Azur ไปชมวิวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบเต็มตาตั้งแต่อ่าว Baie des Anges, Cap de Nice, Cap Ferrat และไปวนรอบๆ Villefranche-sur-Mer ด้วยบัตร French Riviera Pass แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ใช้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง ติดต่อเคาน์เตอร์ตรงท่าเรือ Quai Lunel จองล่วงหน้าทางอีเมล croisieres@trans-cote-azur.com

Villefranche-sur-Mer

2 COMMENTS

Leave a Reply