เบอร์ลิน เยอรมนี คือเมืองศิลปะอันดับต้นๆ ของโลก ที่นี่ให้การสนับสนุนศิลปินค่อนข้างมากมาตั้งแต่ในอดีต จึงทำให้มีศิลปินจากทั่วทุกมุมโลกมาสร้างสรรค์ผลงานและต่อยอดเป็นวงการศิลปะที่เข้มแข็ง ดังนั้นการมาเที่ยวเบอร์ลินจะขาดกิจกรรมการเที่ยวชมมิวเซียมไปไม่ได้

มาเบอร์ลินควรไปชมมิวเซียมไหนบ้าง? ต้องบอกว่ามันเยอะและหลากหลายมากๆ ตั้งแต่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สงคราม คอลเลกชั่นงานศิลป์ยุคเก่า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และงานศิลปะร่วมสมัยล้ำๆ เอาแค่ใน Museum Island อย่างเดียว ก็รวมไว้หลากหลายพิพิธภัณฑ์แล้ว ได้แก่ Bode-Museum, Neues Museum, Alte Nationalgaleie, Altes Museum, Pergamonmuseum นี่ยังไม่นับแกลเลอรี่เล็กๆ ที่มีอยู่นับไม่ถ้วนอีกด้วย ถ้าจะไปให้ครบคงยาก แต่สำหรับคนที่รักศิลปะแล้ว ก็ต้องบอกว่าเมืองนี้คือความเอนจอยอย่างที่สุด

  • แนะนำ Berlin WelcomeCard Museum Island บัตรเดินทางสุดคุ้มสำหรับคนรักศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะ เป็นบัตรที่รวมไว้ทั้งการเดินทางในเบอร์ลินด้วยขนส่งสาธารณะทุกประเภท และเป็นตั๋วเข้าชมมิวเซียมทุกแห่งใน Museum Islands กรุงเบอร์ลิน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดูราคาและสั่งซื้อได้ที่ www.berlin-welcomecard.de/en/berlin-welcomecard-museum-island

La Vie en Road จึงคัดสรรมาเฉพาะมิวเซียมไฮไลท์ที่เราได้ไปเยี่ยมชมมาจริงๆ และประทับใจจนอยากบอกต่อ เริ่มจากพิพิธภัณฑ์ชาวยิวในเบอร์ลินซึ่งจะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของชนชาติที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการเนรเทศขับไล่มานับครั้งไม่ถ้วนในประวัติศาสตร์จนกระทั่งปัจจุบัน ผ่านการออกแบบสถาปัตยกรรมทุกรายละเอียดที่มีความหมาย ต่อด้วยอีก 4 มิวเซียมที่เปิดใหม่ในเบอร์ลินปี 2023 รับรองว่าน่าสนใจแถมไม่ซ้ำใคร

Jewish Museum Berlin

สถานที่ที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดของชาวยิวได้ชัดเจนที่สุด

พิพิธภัณฑ์ที่ทำให้เรารู้จักชาวยิวมากขึ้น ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ มาจนถึงการกวาดล้างชาวยิวในเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านภาพถ่าย จดหมาย ข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ แต่จุดเด่นคือการออกแบบพื้นที่ให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมไปด้วย โดยสถาปนิกผู้ออกแบบอาคาร Daniel Libeskind ชาวโปแลนด์ที่อพยพไปอยู่อิสราเอลและอเมริกา เขาเข้าใจความรู้สึกของผู้อพยพเป็นอย่างดี จึงได้หยิบเอาสิ่งเหล่านั้นมานำเสนอผ่านเส้นสายที่ซิกแซก ไม่เป็นเส้นตรง บนคอนเซ็ปต์ Between the Lines ตามมาด้วยพื้นที่ไม่เท่ากันจนทำให้ทรงตัวไม่อยู่ หรือการสร้างเส้นทางให้เกิดความสับสน เหมือนเดินไปข้างหน้าแต่กลับมาที่เดิม

ไฮไลท์คืองานอินสตอลเลชั่น Shalekhet หรือ Fallen Leaves ของศิลปินอิสราเอล Menashe Kadishman จัดแสดงอยู่บริเวณ Void of Memory เขาใช้แผ่นเหล็กมาทำเป็นใบหน้าของคนอ้าปากค้างกว่า 10,000 หน้า วางกองอยู่บนพื้นอาคาร ถ้าเราเข้าไปเดินเหยียบย่ำ เสียงของแผ่นเหล็กกระทบกันก็จะดังขึ้น เหมือนเสียงโอดโอยโหยหวนของผู้คน

Shalekhet หรือ Fallen Leaves ของศิลปินอิสราเอล Menashe Kadishman

ใบหน้าเหล่านั้นถูกปั๊มขึ้นมาจากแผ่นเหล็ก มันดูเหมือนกันไปหมด ทั้งที่มนุษย์แต่ละคนมีอัตลักษณ์ มีความแตกต่าง แต่ว่าในช่วงการกวาดล้างชาวยิว นาซีเยอรมันได้พยายามลบอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคลออกด้ยวการให้สวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน โกนผม แล้วก็สลักเลขที่แขนแทนการเรียกชื่อ ประหนึ่งเขาเหล่านั้นไม่ใช่มนุษย์

Jewish Museum Berlin เปิดทุกวัน 10.00-19.00 ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jmberlin.de/en

———————————————-

Fotografiska

วิชวลอาร์ตสุดคูลในตึกประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยงานกราฟิตี้

ตึกเก่า 5 ชั้นหน้าตาเท่ๆ ตึกนี้ตั้งอยู่บนถนน Oranienburger Straße และสร้างตั้งแต่ปี 1908 เริ่มแรกเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก่อนที่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จะถูกใช้เป็นคุกโดยพรรคนาซีอยู่ช่วงหนึ่ง จนพอทลายกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 เหล่าศิลปินได้เข้ามาใช้พื้นที่และที่นี่ก็ได้กลายเป็น Kunsthaus Tacheles หรือ Art House Tacheles ศูนย์ศิลปะแห่งหนึ่งที่สำคัญของเบอร์ลิน เป็นทั้งสถานที่แสดงงานศิลปะ สถานที่จัดเสวนา สตูดิโอสร้างผลงาน ที่จัดเวิร์กช็อป รวมไปถึงไนต์คลับและโรงหนัง เอกลักษณ์ของตึกนี้ก็คืองานกราฟิตี้ตามกำแพงทั้งที่ด้านนอกและด้านในของตึก

ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2023 ที่นี่เปิดตัวใหม่ ในฐานะมิวเซียมภาพถ่ายร่วมสมัยของสวีเดนชื่อว่า Fotografiska ซึ่งกำเนิดที่สต็อกโฮล์ม และไปเปิดในเมือง Tallinn, New York, Shanghai ก่อนจะมาล่าสุดที่เบอร์ลิน ถือเป็นอาร์ตสเปซสุดคูล แสดงงานวิชวลอาร์ต ทั้งภาพนิ่ง และงานวิดีโอจากหลากหลายศิลปิน ช่วงที่เราไปได้ดูงานชุด NUDE นำเสนอการเปลือยเปล่าของร่างกายเป็นเหมือนการแสดงออกทางศิลป์ของแต่ละบุคคล และจุดบรรจบของความแตกต่างทางเพศ เชื้อชาติ และวัฒนธรรม จัดแสดงถึง 28 มกราคม 2024

พลาดไม่ได้คือ โซนอาหารเครื่องดื่ม เริ่มกันที่ Fotografiska Café Bar เปิด 10.00-23.00น. เครื่องดื่มนอกจากชา กาแฟปกติแล้ว ยังมีเครื่องดื่มที่เขาเรียกว่า Creative Recharges อย่าง Pink Power Latte ลาเต้ที่มีส่วนผสมของบีทรูท โกโก้ และเคอคูมิน, Green Flow ที่เป็นมัทฉะหอมๆ และ Blue Balance เป็นมะม่วงหิมพานต์ ลาเวนเดอร์ และสไปรูลิน่า เขามาพร้อมเบเกอรี่อบใหม่สดๆ ทุกวัน

ต่อกันที่ร้านอาหารและบาร์ของที่นี่ก็ดีมาก เปิดตั้งแต่ 17.00น. จนถึงดึก ร้านอาหาร Veronika อยู่ที่ชั้น 4 เสิร์ฟอาหารนานาชาติ ซีฟู้ด และเนื้อสัตว์ต่างๆ ด้วยวิธีการแบบ sustainability ขณะที่โซนบาร์ก็จะบรรยากาศแคชวล ด้วยที่นั่งโซฟาสบายๆ ให้เราเลือกจิบค็อกเทล ไวน์ทั้งปีเก่าใหม่จากทั่วโลก และเบียร์ท้องถิ่น แถมใครอยากถือดริงค์ไปเดินชมนิทรรศการไป ก็ดื่มได้ทั่วพื้นที่ของมิวเซียมเลย!

Fotografiska เปิดถึง 23.00น. ของทุกวัน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fotografiska.com/berlin/

———————————————-

Humboldt Forum

นิทรรศการล้ำๆ ในพระราชวังเบอร์ลินยุคบาโรก

แลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดของเบอร์ลินที่เป็นมากกว่ามิวเซียมด้านศิลปะและวิทยาศาสตร์ แต่มาพร้อมความหลากหลายของนิทรรศการ อีเวนต์ เวิร์กช็อป และกิจกรรมการแลกเปลี่ยนต่างๆ ที่นี่เป็นโปรเจ็กต์ทางศิลปะครั้งใหญ่ของเบอร์ลินที่รีโนเวทพระราชวังเบอร์ลินจากยุคบาโรกมาใช้เป็นพื้นที่ครีเอทีฟ มีมูลค่าการลงทุนมหาศาลและมีความตั้งใจจะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่ปี 2020 แต่ติดช่วงโควิด จึงเพิ่งเปิดครบเต็มรูปแบบทุกโซนเมื่อปี 2023 มีงานจัดแสดงหลากหลาย อาทิ รูปปั้นของ King Friedrich I สคัลป์เจอร์ของมายัน วัตถุล้ำค่าที่ได้มาในช่วงล่าอาณานิคม และศิลปะเอเชียจากประวัติศาสตร์ของเบอร์ลิน ไปจนถึงนิทรรศการเกี่ยวกับดนตรี การออกแบบปกอัลบั้ม เครื่องเล่นแผ่นเสียง และแฟชั่น โดยในส่วนนิทรรศการสามารถเข้าชมได้ฟรี

ส่วนชั้น Roof Terrace ที่ความสูง 30 เมตร มีค่าขึ้น 3 euro สำหรับไปดูวิวพาโนรามาสวยๆ ของแลนด์มาร์กต่างๆ ในย่านประวัติศาสตร์เบอร์ลิน ได้แก่ Berlin Cathedral & St.Nary’s Chruch, Museum Island, Brandenburg Gate, Alexanderplatz (รอลิฟต์นานนิด ขึ้นจากโถง stair hall ชั้น G)

www.humboldtforum.org/en

———————————————-

Deutschlandmuseum (Germany Museum)

2000 ปีประวัติศาสตร์เยอรมันแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมิวเซียมที่เปิดใหม่ในปี 2023 ผู้ชมจะได้เดินทางย้อนไปในอดีต ตั้งแต่ยุคก่อนจะมาเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศเยอรมนี ประวัติศาสตร์ของที่นี่ผ่านอะไรมาบ้างกว่า 2,000 ปี ทั้งช่วงที่มืดมนที่สุด มาจนถึงช่วงที่สว่างไสวและแข็งแกร่ง 

Deutschlandmuseum ออกแบบเป็นมิวเซียม 4 มิติ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมกระตุกทุกประสาทสัมผัสผู้เข้าชม อย่างตอนเริ่มต้นตรงทางเข้าก็จะเหมือนเราเดินเข้าไปในป่าในเยอรมนีตะวันตก ผ่านความมืด ผ่านยุคสงคราม หรือในห้องที่มีข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งแบบในยุคหนึ่งของคนเยอรมันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นครัว เตียงนอน เครื่องซักผ้า และวิทยุโทรทัศน์โบราณ

เราชอบที่เห็นอุปกรณ์ในยุคเก่าๆ ที่มันแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีของมนุษย์วิวัฒนาการมาอย่างไร เช่น เครื่องพิมพ์ที่ประดิษฐ์โดย โยฮันเนส กูเทินแบร์ก (Johannes Gutenberg) ผู้ประดิษฐ์ตัวพิมพ์ที่ถอดได้ ทำให้การพิมพ์รวดเร็วขึ้นและนำมาสู่การเผยแพร่ข่าวสารที่กระจายไปอย่างรวดเร็วในยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป นอกจากนี้ก็ยังรวบรวมเหล่ากวี นักเขียน นักแต่งเพลง และนักดนตรีชาวเยอรมัน ผู้มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง Kant, Goether และ Schiller เอาไว้ในห้องสีน้ำเงิน ซึ่งหมายถึงยุคสมัยแห่ง Enlightenment ชนชั้นกลางเติบโตขึ้นและนักปราชญ์/ศิลปิน/ผู้สร้างสรรค์ต่างๆ มีชื่อเสียงมากขึ้น และมันได้พัฒนามาจนถึงการที่ปัจจุบันเบอร์ลินก็ได้รับการจัดอันดับโดย EU Commission ว่าเป็นเมืองครีเอทีฟอันดับ 5 ของยุโรป

และแน่นอนว่ามีข่วงเวลาของนาซีและฮิตเลอร์ที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำแพงเบอร์ลิน เอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เราเห็นแม้แต่เปียโนที่กลายเป็นซากปรักหักพังในบ้านคนที่ผ่านสงคราม เห็นสภาพภายในบ้านที่แตกต่างกันของเยอรมนีฝั่งตะวันตกและตะวันออก ก่อนจะเข้าสู่ยุคทลายกำแพงเบอร์ลิน และมีสภาพบ้านเมืองอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

ใช้เวลาเดินชมมิวเซียมอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.deutschlandmuseum.de/en/

———————————————-

Futurium

เราอยากใช้ชีวิตในอนาคตข้างหน้าแบบไหน?

ในระยะที่เดินได้ไม่ไกลจาก Berlin Hauptbanhof หรือ Berlin central station ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์และแหล่งการเรียนรู้ที่มาพร้อมความเป็นไปได้แห่งอนาคตและการใช้ชีวิตภายใต้แนวคิดความยั่งยืน (sustainability) เชื้อเชิญคนทุกเพศทุกวัยให้มาสัมผัสนิทรรศการแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกที่เราอยู่ และทิศทางที่เราให้มันเป็นไปในอนาคต เราจะมีชีวิตแบบไหนในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับตัวเราในวันนี้

Futurium อยู่ตรงกลางระหว่างความเป็น art museum และ science center โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ มนุษย์, เทคโนโลยี และธรรมชาติ ซึ่งเขาจะมี Futurium Lab ไว้ให้เราทดลองไอเดียของเราเองด้วย ขณะที่ชั้น 2 มีบานกระจกใสขนาดใหญ่ มองออกไปเห็นวิวสวยของเมืองเบอร์ลินแบบพาโนรามา ถนน ตึก และแม่น้ำ Spree

เปิดทุกวัน 10.00-18.00 ยกเว้นวันอังคาร เข้าชมฟรี

https://futurium.de/en

นักเขียน/นักดนตรี ที่นอกจากเล่นเชลโลแล้ว ยังชอบออกเดินทางคนเดียวอยู่เสมอๆ มิวเซียม ตลาดของเก่า ร้านกาแฟ และเมืองที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมเก่าแก่คือสถานที่ที่เธอชอบไป

Leave a Reply