The Robertson House by The Crest Collection คือโรงแรม 5 ดาวแห่งใหม่ล่าสุดในสิงคโปร์ที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อปลายปี 2023 เป็นโรงแรมในเครือ Ascott ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Singapore River เป็นย่านประวัติศาสตร์ อยู่ใกล้ๆ กับ Clark Quay และยังใกล้สวนสาธารณะชื่อดังอย่าง Fort Canning Park ที่มีอุโมงค์ต้นไม้เป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศแถวนี้จึงเงียบสงบ ดูไม่วุ่นวาย แต่ก็มีร้านอาหารและบาร์ดีๆ มากมายที่อยู่ในระยะเดินได้

ห้องพรีเมียร์ The Robertson House

ที่นี่มาพร้อมสถาปัตยกรรมแบบบริติชโคโลเนียลจากแรงบันดาลใจในยุคที่อังกฤษเคยเข้ามาปกครองสิงคโปร์ และเกิดการผสมผสานทางวัฒนธรรมทั้งตะวันตก-ตะวันออก La Vie en Road ได้มาเป็นหนึ่งในแขกเข้าพักคนแรกๆ ของโรงแรมแห่งนี้ เราตื่นเต้นมากๆ ตั้งแต่ตอนมาถึง เมื่อเจอล็อบบี้ที่ตกแต่งโทนสีสบายตา ลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีต เราแจ้งกับทางฟรอนต์ว่าต้องการเช็คอิน พร้อมกับยื่นพาสปอร์ด ทางฟรอนต์ได้แจ้งให้พนักงานมาดูแลกระเป๋าเดินทาง พร้อมส่งเราขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด เพื่อไป exclusive check in ที่ 1823 Reading room หรือห้องสมุดของโรงแรมแทน ซึ่งเป็นห้องสำหรับแขกคนพิเศษและแขกสมาชิก club lounge เท่านั้น

Lobby ตกแต่งลวดลายวินเทจในสไตล์บริติชโคโลเนียล
1823 Reading room ห้องสมุดของโรงแรมสำหรับแขกพิเศษและ club lounge guests

1823 Reading room

เราเดินเข้ามาในห้องสมุดของ The Robertson House และได้กลิ่นหอมอันผ่อนคลาย ที่นี่ตั้งชื่อตามปีที่สิงคโปร์เปิดห้องสมุดแห่งชาติเป็นครั้งแรกในปี 1823 เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการเปิดประตูสู่การศึกษาและแหล่งความรู้สำหรับชาวสิงคโปร์ พนักงานเสิร์ฟชาร้อนอย่าง Dr Robertson’s Chai ซึ่งเป็นชาเอิร์ลเกรย์เบลนด์พิเศษโดยเฉพาะของโรงแรม ก่อนที่ผู้จัดการจะเดินมาต้อนรับเราด้วยตัวเอง เขาอธิบายเกี่ยวกับโรงแรม ห้องพัก ห้องทานอาหารเช้า และ facilities อื่นๆ เป็นการเช็คอินที่ชิลและหายเหนื่อยจากการเดินทางสุดๆ

ในห้องสมุดนี้ตกแต่งด้วยแผนที่วินเทจ ภาพถ่ายสิงคโปร์ในอดีต และยังเต็มไปด้วยหนังสือ ทั้งที่วางโชว์อยู่ในตู้กระจก และที่วางอยู่บนโต๊ะไว้ให้แขกอ่านได้ เราหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่านเล่น ทางผู้จัดการบอกให้เราสามารถนำหนังสือเล่มนี้กลับไปอ่านที่ห้องพัก หรือจะนำกลับบ้านไปเลยก็ได้ เพราะเป็นคอนเซ็ปต์ของทางโรงแรมที่ตั้งใจสร้างกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ เป็นของขวัญหรือของที่ระลึกแก่นักเดินทางผู้รักการอ่านและสนใจประวัติศาสตร์

ฟังก์ชั่นอื่นๆ ของห้อง 1823 Reading Room คือ สามารถใช้เป็นห้องประชุมไพรเวทได้ และสำหรับ Club Lounge guest สามารถมาเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปอย่างการทำค็อกเทลหรือการเบลนด์ชา ซึ่งจะจัดเดือนละครั้ง

แน่นอนว่าคนที่เลือกมาพักที่นี่ ต้องเป็นคนที่สนใจเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ เพราะ The Robertson House ได้นำเรื่องราวจากช่วงที่อังกฤษเข้ามาปกครองสิงคโปร์มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยอิงจากมุมมองของ Dr J Murray Robertson ผู้มีบทบาทสำคัญในการเข้ามาดูแลพัฒนาย่านนี้ในสิงคโปร์ช่วงยุคภายใต้การปกครองของอังกฤษเมื่อปี 1819-1941 จนกลายเป็นที่มาของชื่อย่าน The Robertson

ห้องพักวิวสวย ฟรีมินิบาร์ที่มีชาซิกเนเจอร์ให้ลิ้มลองรสชาติแห่งอดีต

บนตึกสูง 10 ชั้น ห้องพักของ The Robertson House มีทั้งหมด 336 ห้อง แขกจะได้เอนจอยวิวของแม่น้ำสิงคโปร์ และสีสันของ Clark Quay ในช่วงค่ำคืน เราชอบลวดลายของวอลเปเปอร์ในห้องพักที่เป็นรูปวิถีชีวิตในอดีตของสิงคโปร์ และรูปที่บอกเล่าเกี่ยวกับการค้าขายเครื่องเทศในสมัยก่อน ขณะเดียวกันพรมก็มาในลวดลายกราฟิกแทรกซึมความเป็นโมเดิร์น นอกจากนี้ยังตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกหรือความยั่งยืน ด้วยการไม่ใช้ขวดพลาสติก แต่มีเครื่องกรองน้ำให้แขกสามารถกรองน้ำใส่แก้วดื่มได้เอง มาพร้อมเครื่องทำกาแฟ วางไว้กับกาแฟและชาซิกเนเจอร์ของโรงแรมให้เลือกหลากหลาย รวมทั้งขนมขบเคี้ยวในมินิบาร์ตรงนี้ให้เราหยิบทานฟรีได้เลย

Mini bar มีชาซิกเนเจอร์ให้ลองในห้องพักด้วย
ห้องที่วิวดีที่สุด

ห้องที่วิวสวยที่สุด คือ Panoramic bedroom ที่นอกจากจะเห็นวิวแม่น้ำแล้ว ยังมองเห็นสถานที่แลนด์มาร์กของสิงคโปร์มากมาย ส่วนความพิเศษของห้องสวีทก็คือ ใน 6 ห้องนั้น แต่ละห้องตั้งชื่อตามเครื่องเทศ ได้แก่ ต้นจันทน์เทศ กานพลู อบเชย กระวาน แคสเซีย และขิง แต่ละห้องก็ออกแบบด้วยลวดลายสวยงาม ตกแต่งงานศิลปะที่ล้วนแต่นำเสนอเอกลักษณ์ของสิงคโปร์ แบบที่หลายๆ คนไม่คุ้นเคย

Entrepôt ร้านอาหารที่ปรุงประวัติศาสตร์ด้วยเทคนิคโมเดิร์นแบบยุโรป

โรงแรมยังมีสระว่ายน้ำความยาว 25 เมตร และยิมแบบอินดอร์/เอาท์ดอร์ แต่ส่วนที่น่าสนใจที่สุด สำหรับเราคือร้านอาหารที่ชั้นล็อบบี้ชื่อว่า Entrepôt (อองเทรอโพต์) นำเสนออาหาร Anglo-Asian เหมือนเขาปรุงประวัติศาสตร์และความสมัยใหม่มารวมกันเป็นรสชาติที่ลงตัว รังสรรค์โดยเชฟ Nixon Low ซึ่งแน่นอนว่ามีการใช้เครื่องเทศที่ซื้อขายกันในอดีต มาเป็นวัตถุดิบในหลากหลายเมนู เพื่อใส่ความเป็น colonial twist ภายใต้เทคนิคการปรุงอาหารแบบยุโรปที่ซับซ้อน

Entrepôt restaurant

Entrepôt เป็นร้านอาหารแบบ all day dining เริ่มตั้งแต่บุฟเฟต์อาหารเช้า เมนูกลางวันสุดครีเอท ไปจนถึงไฟน์ไดนิ่งสุดหรูในช่วงค่ำ เอาเป็นว่าเราชอบตั้งแต่การตกแต่งของร้าน รวมถึงถ้วย แก้ว จาน ชาม ต่างๆ แม้แต่ผ้าปูโต๊ะต่างๆ ก็น่ารักไปหมดเลย เฟอร์นิเจอร์ที่เขาเลือกใช้ เป็นแบบสิงคโปร์สมัยเก่า เข้ากันดีกับดีไซน์การตกแต่งพื้นที่ในลวดลายขาวดำ

เมนูเด่นของร้าน Entrepôt

เช่น Chinese Terracotta Tea เมนูหม้อดินที่มีเห็ดซึ่งนำไปแช่ชาจีน ส่งกลิ่นหอม, Dr Robertson’s Chai Cured Salmon Trout สำหรับคนรักแซลมอน, Angelica Root French Corn-fed Chicken Roast ไก่ย่างใส่กะหล่ำปลี เห็ด สมุนไพร และที่เราลองแล้วชอบมากก็คือ Entrepôt Claypot Rice ข้าวอบหม้อดินใส่ pancetta รมควัน ไส้กรอก เห็ดป่า และแบล็กทรัฟเฟิล ก่อนปิดด้วยของหวานอย่าง Nonya Chocolate ดาร์กช็อกโกแลตทานกับซอร์เบต์มะพร้าว

Chandu Bar จิบค็อกเทลในบาร์ลับสไตล์โคโลเนียล

สายเครื่องดื่ม ต้องลอง Gin ของที่นี่ซึ่งเขาคอลแลบกับ Tanglin Gin ให้กลิ่นสมุนไพรเครื่องเทศอ่อนๆ และถ้าอยากเอนจอยให้นานกว่านี้ ทางโรงแรมมีบาร์ลับอยู่ด้านหลัง ชื่อว่า Chandu Bar เปิดประตูเข้าไปก็เหมือนเข้าไปอีกโลกหนึ่ง มีที่นั่งแค่ 16 ที่ ทั้งโซนโต๊ะ และโซนบาร์ ตกแต่งด้วยผนังสไตล์จีน บอกเลยว่าค็อกเทลแต่ละแก้วมีเรื่องเล่ามากมายที่มิกโซโลจิสต์พร้อมจะแชร์ให้เราได้ฟัง

Chandu Bar บาร์ลับของโรงแรม The Robertson House

ความประทับใจของการมาพักที่ The Robertson House นอกจากการได้มาเป็นแขกกลุ่มแรกๆ ที่ได้พักโรงแรมใหม่แล้ว ห้องพักสวยๆ การตกแต่งที่มีความหมายทุกรายละเอียด แสดงออกถึงความละเมียดละไมของคนสร้างสรรค์ที่อยู่เบื้องหลัง และเหนือไปกว่าอะไรทั้งหมด เราสัมผัสได้ว่าการบริการของพนักงานทุกคนที่นี่ มาจากใจจริงๆ เหนือระดับยิ่งกว่า 5 ดาว ซึ่งประสบการณ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง ที่ได้มาสัมผัสที่นี่ ได้กลายเป็นความทรงจำของการเดินทางของเรา จนกว่าเราจะกลับไปสร้างเรื่องราวใหม่ที่นี่อีกครั้ง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม The Robertson House by The Crest Collection

La Vie en Road Editorial Team นักเดินทางที่ชอบศิลปะและวัฒนธรรมที่แตกต่าง เก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์ที่เราพบเจอบนถนนแห่งชีวิต มาแบ่งปันกับทุกคน

Leave a Reply