ก่อนที่เราจะทำการแนะนำกิจกรรมสนุกๆ สำหรับการไปเที่ยว Gold Coast เมืองตากอากาศในแคว้นควีนส์แลนด์ (Queensland) ของออสเตรเลีย ก็ต้องขอเล่าก่อนค่ะว่า นี่เป็นการเดินทางไปในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2563 ช่วงเวลาที่หลายประเทศในเอเชียเริ่มกังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก ในขณะที่ประเทศทางฝั่งยุโรป อเมริกา หรือออสเตรเลีย ยังคงรู้สึกชิลๆ และต่อต้านการใส่หน้ากากอนามัยด้วยซ้ำ ตอนนั้นเราตัดสินใจว่าจะยังคงเดินทางจากกรุงเทพฯ ฝ่าโควิดมายังโกลด์โคสต์ (Gold Coast) ออสเตรเลีย โดยสายการบิน Scoot ตามกำหนดการเดิมของงาน

ชายหาด Surfers Paradise หาดยอดนิยมของ Gold Coast

ช่วงนั้น การเดินทางออกนอกประเทศมีความเสี่ยง ทั้งเสี่ยงในเรื่องของการติดเชื้อ การกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อ แล้วก็เสี่ยงกับข้อกำหนดในการเดินทางกลับเข้าประเทศด้วย เราจึงต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีที่สุด เตรียมอุปกรณ์อย่างรัดกุม ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยเป็นปึกๆ สำหรับใช้ระหว่างทริป หมวกกันละอองฝอย เจลและสเปรย์แอลกฮอลล์สำหรับทำความสะอาดมือและสิ่งของต่างๆ ที่เราต้องสัมผัส เสื้อผ้าที่รัดกุมไม่ให้ผิวหนังสัมผัสเชื้อโรค รวมไปถึงหมอนผ้าห่มสำหรับนอนบนเครื่องบินที่ต้องพกไปเอง แถมห่อพลาสติกอย่างดี

Ligth Rail หรือรถราง คือการเดินทางที่สะดวกและครอบคลุมเส้นทางท่องเที่ยวใน Gold Coast

เอาจริงๆ เป็นการเดินทางครั้งที่แปลกที่สุด เพราะไม่เคยต้องป้องกันตัวเองในเลเวลนี้เลยค่ะ รู้สึกอึดอัดพอสมควรกับการใส่หน้ากากนั่งเครื่องบินไฟลท์ยาวกว่าสิบชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพื่อให้มั่นใจที่สุดว่าเราเองจะไม่กลายเป็นผู้ติดเชื้อ และเป็นพาหะของโรคที่กำลังแพร่ระบาดอยู่

จากกรุงเทพฯ ถึงออสเตรเลีย เดินทางกับสายการบิน Scoot

ออกเดินทางด้วยสายการบิน Scoot ราคาประหยัด แพ็กเกจสุดคุ้ม

Scoot คือสายการบินราคาประหยัดที่เรามองว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ ในการเดินทางไกล จากกรุงเทพฯ ไปถึงออสเตรเลีย สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย สามารถเลือกที่นั่งแบบ Scoot plus ซึ่งมีเบาะเอนได้ แม้จะไม่ราบถึง 180 องศา แต่ก็สามารถยืดขา เอนหลัง และหลับได้สบายพอสมควร ราคารวมน้ำหนักกระเป๋าเช็คอินให้ 30 กก. แล้วก็มีอาหารเสิร์ฟระหว่างไฟลท์ด้วย แต่สำหรับคนที่อยากประหยัดขึ้นมาอีกนิด การเลือกที่นั่งชั้นประหยัดแต่เป็นโซน Scoot-in-Silence ก็น่าสนใจนะคะ เพราะว่าเป็นโซนงดใช้เสียง แล้วก็มีพื้นที่วางขาเพิ่ม ซึ่งจะอนุญาตเฉพาะผู้โดยสารที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น และเราสามารถซื้อแพ็กเกจ FlyBagEat ควบคู่มาด้วย ก็เป็นราคารวมน้ำหนักกระเป๋าเช็คอินให้ 20 กก. และอาหาร-เครื่องดื่มเสิร์ฟระหว่างไฟลท์เช่นกันค่ะ

จากสนามบินสุวรรณภูมิ เราต้องบินไปต่อเครื่องที่สิงคโปร์ก่อน
ช่วงที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ผู้โดยสารก็ใส่หน้ากากอนามัยกันทุกคน

จากสนามบินสุวรรณภูมิ เราบินไปลงที่สิงคโปร์ก่อนค่ะ เที่ยวนี้จะเป็นเครื่องบิน Airbus 320s แต่จากสิงคโปร์ตรงไปยังโกลด์โคสต์นั้นใช้เครื่องบิน 787 Dreamliner ซึ่งลำใหญ่กว่า และกว้างขวางกว่า อาหารเขารสชาติใช้ได้ทีเดียว และนั่นก็เป็นเวลาเดียวที่เราได้ถอดหน้ากากอนามัยมาทานอาหารนี่ล่ะค่ะ

ทางสายการบินยืนยันมาค่ะว่าระบบไหลเวียนอากาศบนเครื่องบินนั้นค่อนข้างดี แล้วก็มีระบบฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่อยู่ในอากาศอยู่แล้ว ทำให้เราสบายใจได้เปราะหนึ่ง

เราเลือกที่นั่งด้านหน้าในโซน Scoot-in-Silence เพื่อเพิ่มเนื้อที่ในการเหยียดขาได้อีกหน่อย

และในที่สุด หลังจากอยู่บนเครื่องบินประมาณ 7 ชั่วโมง จากสิงคโปร์มาถึงโกลด์โคสต์ เราก็ได้เห็นแสงเช้าที่อบอุ่นสวยงามมากๆ ของโกลด์โคสต์ในตอน 6 โมงเช้า เมื่อรับกระเป๋าและผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็เดินออกไปรอรถบัสที่ด้านหน้าประตูทางออกอาคาร เราใช้บัตรเดินทาง Gold Coast Go Explore ที่สามารถใช้เดินทางได้ 1 วัน ใช้ได้ทั้งจากสนามบินเข้าเมือง แล้วก็ยังใช้เดินทางโดยรถเมล์ รถราง ได้ทั่วโกลด์โคสต์เลยค่ะ ราคาเริ่มต้นแค่ 10 AUD เท่านั้น และถ้าเติมเงินเข้าไปในบัตร ก็สามารถใช้ได้นานสูงสุด 8 วัน

เราแลนดิ้งที่เมืองโกลด์โคสต์ตอนเช้าตรู่ แสงก็จะสวยแบบนี้
ป้ายบอกทางในสนามบิน ไม่ต้องกลัวหลง
ทางออกจากตัวอาคารสนามบิน เลี้ยวขวาออกไปนิดเดียวก็จะถึงป้ายรถบัสเข้าเมือง

แสงตอนเช้าของโกลด์โคสต์นี่สดชื่นดีจริงๆ ค่ะ ยิ่งพอรถวิ่งผ่านบีชแล้วเห็นนกบินกันเป็นฝูง บวกกับผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกาย รู้สึกหายเหนื่อยจากการนั่งเครื่องบินไฟลท์ยาวไปเลย

หน้าตารถบัสเข้าเมืองก็จะเป็นแบบนี้

หลังจากเช็คอินโรงแรมที่ใจกลางหาด Surfer’s Paradise เราจะพาทุกคนไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในโกลด์โคสต์กัน ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่ยังมีป่า น้ำตก สวนสนุก สวนสัตว์ และกิจกรรมสนุกๆ อีกเพียบ

1. Forest Walking ที่ Tamborine National Park

ระหว่างทางไปอุทยานแห่งชาติแทมโบรีน จะมีป้ายให้ระวังโคอาลา

อุทยานแห่งชาติแทมโบรีนที่จะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติในป่าฝนเขตร้อนของโกลด์โคสต์ ในป่าจะมีทั้งนกแก้วป่าที่หาดูได้ยาก มีต้นไม้ใหญ่อายุเป็นร้อยปีอยู่หลายต้น มีหนอนเรืองแสง แล้วก็มีน้ำตก Curtis Fall ที่มีน้ำไหลแรงสมบูรณ์ตลอดทั้งปี

หลายคนมักจะมาแวะเดินถนน Gallery Walk ซึ่งมีบรรยากาศคล้ายยุโรปเบาๆ ค่ะ เพราะชาวยุโรปมาอยู่แถวนี้กันเยอะ และก็เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ และร้านขายของที่ระลึก น่ารักไปหมด อย่าลืมไปชิมเครื่องดื่มพื้นเมืองหลากหลายรูปแบบที่ Tamborine Mountain Distillery ซึ่งมีให้เลือกชิมเยอะมาก (ถ้าไหวและไม่เมาไปซะก่อน) รวมถึงโซนพิพิธภัณฑ์เพื่อสาธิตกระบวนการทำเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม

Tamborine Mountain Distillery ร้านขายเครื่องดื่มหลากชนิด

ก่อนไปแวะทานมื้อกลางวันที่ร้านดังของแทมโบรีน ชื่อว่า Three Little Pigs Bar & Bistro เราจะได้ลิ้มรสผักท้องถิ่นสดกรอบ และชีสที่ทำจากนมแพะนมวัวซึ่งเป็นออร์กานิกทั้งหมด เมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ Salt and pepper prawns, Calamari และพวกเมนูกริลล์ต่างๆ ทั้ง 100 Day Fed Eye Fillet และ Pork Cutlets แต่ที่เราชอบมากๆ เลยก็คือของหวานอย่าง Crème Brulée และ Sticky Date & Walnut Pudding

2. Hang-Gliding / Paragliding ที่ Mt. Tamborine

ลานกว้างที่เป็นบริเวณปล่อยเครื่องร่อน Paragliding

หนึ่งในกิจกรรมสุดแอดเวนเจอร์ที่คนมาเที่ยวภูเขาแทมโบรีนแล้วต้องลองก็คือ เครื่องร่อนที่เรียกว่าแฮงไกลดิ้ง หรือพาราไกลดิ้งนั่นเองค่ะ ลักษณะเป็นร่มชูชีพที่ร่อนไปในอากาศ ซึ่งจะทำให้เราได้ชมวิวของป่าเขตร้อนแทมโบรีนได้ในมุมเดียวกับนก

ใจไม่กล้าพอจะเล่นเครื่องร่อน นอนมองวิวกว้างๆ ก็แฮปปี้แล้วนะ

3. เครื่องเล่นสุดหวาดเสียวที่สวนสนุก Warner Bros.

โกลด์โคสต์มีสวนสนุกที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแห่งด้วยกัน แถมราคาสบายกระเป๋า เพราะมีโปรลดราคาอยู่ตลอดทั้งปี ใครที่เป็นสายชอบดูหนังการ์ตูนและบ้าคลั่งเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ถ้าได้มาเล่นเครื่องเล่นที่ Warner Brothers Movie World ก็จะสนุกมาก แถมยังมีขบวนพาเหรดของเหล่า Batman, Austin Powers, Scooby-Do, Shaggy และ Looney Tunes แต่ถ้าคนที่ชอบเครื่องเล่นแบบหวาดเสียวมากๆ ต้องไปที่ Dream World เพราะเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโกลด์โคสต์ โดยจะมีโซนสวนน้ำ White Water World ที่มีสไลเดอร์ขนาดใหญ่ความสูงเกือบตั้งฉาก นอกจากนี้ก็ยังมีสวนน้ำ Wet’n’Wild Water World ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ มีสไลเดอร์และก็โซนโต้คลื่นที่น่าตื่นเต้น ในขณะที่ Sea World จะมีโซนสัตว์อย่างโลมา แมวน้ำ เพนกวิน ปลากระเบน และหมีขั้วโลก

ดูโปรสวนสนุก เช็คตั๋วราคาพิเศษได้ที่ goldcoastpasses.com

4. เล่นเซิร์ฟหรือนอนอาบแดดที่หาด Surfers Paradise

หาดแห่งนี้คือศูนย์กลางของเมืองโกลด์โคสต์ที่นักท่องเที่ยวและชาวออสซี่เองต่างก็ชอบมาพักผ่อนหย่อนใจ เพราะมีชายหาดที่ยาว และมองเห็นแสงสีทองได้ในช่วงเช้าและยามเย็น จนกลายเป็นที่มาของชื่อ Gold Coast หาดทรายของที่นี่นุ่มเท้ามากๆ การพกหนังสือสักเล่มมานอนอาบแดดไปด้วยนี่เป็นอะไรที่เพลินมากๆ (อาหารตาเยอะมากๆ เลยค่ะ) ส่วนใครอยากลองเล่นเซิร์ฟแต่ยังเป็นมือใหม่ เขาก็มีเปิดคอร์สสอนให้ด้วยนะ ส่วนตอนเย็นจะมีตลาดนัดริมชายหาดหรือถนนคนเดิน Surfers Paradise Beachfront Markets ขายของกินและของที่ระลึกต่างๆ

SkyPoint Observation Deck จุดชมวิวที่เป็นแลนด์มาร์กของ Gold Coast

5. ปิคนิคที่หาด Burleigh Heads Beach

อีกหาดหนึ่งของเมืองโกลด์โคสต์ที่เราชอบมากๆ เลยก็คือ Burleigh Heads ซึ่งติดอันดับ Top 10 ชายหาดที่สวยที่สุดในออสเตรเลียประจำปี 2018 ของ TripAdvisor ด้วย ที่นี่จะคนละฟีลกับ Surfers Paradise เลยเพราะมีความเงียบสงบกว่า การเอาผ้ามาปูและนั่งปิกนิกกับเพื่อนฝูง พร้อมกับอ่านหนังสือสักเล่ม และเงยหน้ามองชายหาดสวยๆ เป็นระยะ เราว่าไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะ

6. Paddle Board ที่ Nerang river

หนึ่งในกิจกรรมโปรดของเราในการมาโกลด์โคสต์คือการมาพายแพดเดิลบอร์ด (Stand Up Paddle Boarding) และจุดที่บรรยากาศดี ที่คนนิยมมาพายกันก็คือ Nerang River เดินไม่ไกลจากชายหาด Surfers Paradise ค่ะ เป็นกิจกรรมที่ควรแก่การชวนเพื่อนฝูงหรือครอบครัวมาเล่นด้วยกัน สามารถเช่าอุปกรณ์ทั้งแพดเดิลบอร์ด คายักต่างๆ ได้ที่ Go Vertical SUP Hire อยู่ตรงบริเวณ Budds Beach เขาจะมีเทรนเนอร์มาคอยดูแลเราอย่างดีด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://govertical.com.au/

7. เรือเป็ดทัวร์ชมเมือง Aquaduck แล่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ

เรือเป็ดแล่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ

เรือเป็ดนี้พิเศษตรงที่มันแล่นได้ทั้งบนบกและในน้ำ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์การทัวร์ชมเมืองของโกลด์โคสต์เลย จุดเริ่มต้นออกจากหาด Surfers Paradise ผ่านแลนด์มาร์คต่างๆ ของเมือง อาคารบ้านเรือนที่สวยงาม แล้วก็ตะลุยลงน้ำ ผ่านโรงแรม Versace และศูนย์การค้าสไตล์รีสอร์ทอย่าง Marina Mirage ซึ่งเขาจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ไปลองขับเรือ Aquaduck ได้ด้วยตนเอง และก็รับประกาศนียบัตรจากกัปตันเรือได้ฟรี

จองตั๋ว Aquaduck ผ่านทางเว็บไซต์ได้ที่ https://www.aquaduck.com.au/

8. ดูปลาวาฬหลังค่อมตัวเป็นๆ (Humpback Whales Watching Gold Coast)

ด้วยความที่โกลด์โคสต์ยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางท้องทะเลมากๆ เราจึงสามารถเห็นปลาวาฬตัวใหญ่จำนวนมากได้ที่นี่ โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน จะสามารถเห็นปลาวาฬหลังค่อมตามแนวชายฝั่งได้ถึง 25,000 ตัว

จองทัวร์ดูปลาวาฬหลังค่อมใน Gold Coast ได้ที่ https://sked.link/whalesinparadise หรือ Instagram: @whalesinparadise

9. อุ้มโคอาล่าและให้อาหารจิงโจ้ที่ Currumbin Wildlife Sanctuary

มาออสเตรเลียทั้งทีก็ต้องได้อุ้มโคอาล่าใช่ไหมคะ และที่ศูนย์อนุรักษ์ Currumbin Wildlife Sanctuary ก็มีทั้งโคอาลาให้อุ้ม และสัตว์ท้องถิ่นของออสเตรเลียให้ดู รวมถึงสัตว์หายากอีกหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมาป่าดิงโก แพนด้าแดง จิงโจ้ต้นไม้ ที่นี่เปิดตั้งแต่ปี 1947 และดำเนินการอนุรักษ์และดูแลสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บหลายชนิด เขาจึงเน้นการปลูกฝังให้นักท่องเที่ยวเห็นความสำคัญของธรรมชาติ การปกป้อง และความรักสัตว์ อย่างที่เราจะเห็นได้ว่าสัตว์ต่างๆ ที่นี่เขาอยู่กันค่อนข้างเป็นอิสระ

10. สตรีทฟู้ดหลายเชื้อชาติที่ไนท์มาร์เก็ต Miami Marketta

มาสัมผัสรสชาติสตรีทฟู้ดที่ตลาดแห่งนี้กันดูค่ะ เราจะได้เห็นบรรยากาศยามค่ำคืนที่คึกคัก ที่นี่มีอาหารหลายเชื้อชาติ ทั้งตะวันตกและเอเชีย เพราะว่าเขาตั้งใจจะสร้างบรรยากาศของการเดินกินสตรีทฟู้ดแบบในเมืองไทย บาร์เซโลนา หรือนิวยอร์ก ยกมาไว้ที่นี่ เราสามารถที่จะเลือกกินจานเรียกน้ำย่อยแบบสเปน ต่อด้วยอาหารจานหลักแบบไทยๆ แล้วปิดท้ายด้วยของหวานตามสไตล์ฝรั่งเศสก็ยังได้ หนุ่มๆ สาวๆ ชาวท้องถิ่นจะมานั่งพูดคุยกันไป ทานข้าวกันไป แล้วก็มีดนตรีสดให้ดูด้วย

เปิดทุกวันพุธ ศุกร์ เสาร์ ตั้งแต่ 17.00น. เป็นต้นไป

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.miamimarketta.com/

11. แวะทานบรันช์ที่คาเฟ่เก๋ BamBam Bake House

นี่คือคาเฟ่และร้านอาหารเช้า-กลางวันที่เราแนะนำสุดตัวให้ทุกคนไปลองค่ะ เขามีขนมปังที่อร่อยมากๆๆๆ โดยเฉพาะครัวซองต์ชนิดต่างๆ ตั้งแต่ plain croissant, almond croissant แล้วก็ almond croissant choux  เพราะเขาใช้วัตถุดิบอย่างแป้งและเนยคุณภาพระดับพรีเมียม ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นจนเสร็จออกมาเป็นครัวซองต์นั้นใช้เวลา 3 วัน

นอกจากนี้ก็ยังมีเบเกอรี่อร่อยอีกเยอะมากๆ เช่น Summer Trifle Tart, Passionfruit Tart, Gingerbread Creme Brûlée, Nutella Choux Bomb ไปจนถึงเมนูสุขภาพอย่าง Acai Bowl อ้อ! แล้วก็มีพวกเบอร์เกอร์และข้าวด้วยค่ะ สั่งมาทานกับน้ำผลไม้สดๆ หรือมิลค์เชค ชา กาแฟ หรือว่าค็อกเทลก็มีนะ

ร้านตั้งอยู่ที่ Mermaid Beach เปิดวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 6.30-14.30น.

https://www.bambambakehouse.com/

—————————————————–

Travel Tips

– เดินทางโดยสายการบิน Scoot เส้นทาง Bangkok – Gold Coast (via Singapore) จองตั๋วได้ที่ https://www.flyscoot.com/th

-แพ็กเกจสุดคุ้ม FlyBagEat ของสายการบิน Scoot ให้เราสามารถเดินทางอย่างสะดวกสบาย พร้อมสัมภาระเช็คอิน 20 กก. (จำกัดสัมภาระ 1 ชิ้นน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม หรือ 2 ชิ้น ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหรือกระเป๋าถือและน้ำหนักรวมไม่เกิน 10 กิโลกรัม.) มีบริการเสิร์ฟอาหารร้อนบนเครื่อง

– ดูรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางในโกลด์โคสต์ได้ที่ https://www.destinationgoldcoast.com/

– บัตรโดยสารสำหรับเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะทุกชนิดในโกลด์โคสต์ Gold Coast Go Explore ราคาเริ่มต้น 10 AUD ต่อวัน สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ที่ https://translink.com.au/tickets-and-fares/ticket-types/visitors-and-tourists/go-explore

Leave a Reply