ท้องฟ้าที่ปราณบุรีไม่เหมือนที่ไหน มันเป็นสีละมุนๆ โดยเฉพาะตอนเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นและตอนเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะลับไป มันเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ที่สุด ที่ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตท้องถิ่น ชาวประมงออกเรือหาปลา และมีกลุ่มสุนัข 4-5 ตัววิ่งเล่นอย่างมีความสุข

Aleenta Hua Hin – Pranburi คือรีสอร์ทในเครือ Small Luxury Hotels ตั้งอยู่เลียบหาดปากน้ำปราณในคอนเซ็ปต์ของการใช้ชีวิตแบบออร์แกนิกเฮลธี ใส่ใจสุขภาพองค์รวม ด้วยพื้นฐานของความยั่งยืน ถึงขั้นได้รางวัล Best Sustainable Hotel (Thailand) จาก International Hotel Awards เลยทีเดียว การออกแบบมาในสไตล์ทรอปิคัลกลิ่นอายบาหลี ใช้วัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้ หินกรวด หญ้าคา และใช้ของตกแต่งในโทนสีขาวน้ำตาลให้กลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เป็นการเชื้อเชิญให้เราเข้าสู่โลกแห่งการพักผ่อนที่ทุกอย่างดูเงียบสงบ มีแต่ตัวเราเองและธรรมชาติที่พูดคุยกัน

ขับรถมาจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงครึ่ง ทางรีสอร์ทมีที่จอดรถที่มีรั้วรอบขอบชิดแต่มันจะอยู่ห่างออกไปสักหน่อย เราสามารถเลือกบริการ Valet ให้พนักงานเอารถไปจอดให้ หรือจะไปจอดเองแล้วนั่งรถรับส่งของทางรีสอร์ทกลับมาก็ได้ Aleenta Pranburi จะแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ Frangipani wing ที่สร้างมาก่อน มีห้องพักเพียง 6 หลัง และฝั่ง Main wing ที่เป็นโซน adult only ทั้งสองโซนอยู่ห่างกัน 300 เมตร หลังจากเช็คอินเสร็จเรียบร้อย เราก็เข้าพักที่วิลล่าที่ป็อปปูลาร์ที่สุดของฝั่ง Main wing นั่นคือ Beachfront Pool Residence ติดทะเลแบบเดินไม่เกิน 10 ก้าวก็เอาขาจุ่มน้ำได้เลย ความเก๋คือหน้าห้องก็มีจากุซซี่ส่วนตัวไว้นอนแช่ไป ดูทะเลไป และเปลขนาดใหญ่ไว้นอนรับลมทะเลในช่วงบ่าย

วิลล่าริมหาดที่ไม่มีทีวี มีแต่ความเป็นส่วนตัวระหว่างเรากับธรรมชาติ

เมื่อเปิดห้องพักเข้ามา สิ่งแรกที่รู้สึกคือกลิ่นอโรมาหอมเย็นสบายจมูก  เป็นลาเวนเดอร์ผสมยูคาลิปตัส เขาเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เจอเตียงขนาดใหญ่ มีโซฟาอยู่ด้านปลายเตียงหันออกฝั่งทะเล กั้นด้วยประตูบานเฟี้ยมที่เปิดไปแล้วจะเชื่อมกับจากุซซี่ ความน่ารักคือเขาตั้งมาการงและคุ้กกี้ไว้บนโต๊ะข้างโซฟา พร้อมกับการ์ดเวลคัม และการ์ดอีกใบให้เราอ่านเล่นเป็นนิทานก่อนนอน ส่วนถ้าใครมองหาทีวี ก็เลิกคิดได้เลย เพราะเขาต้องการให้เราอยู่กับธรรมชาติ นอนฟังเสียงคลื่น และใช้เวลากับตัวเองมากกว่า

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลยนะ เพราะเขามีลำโพงบลูทูธให้เราเลือกเปิดเพลงจากไอพอดที่เขาเตรียมไว้ให้หรือจะเชื่อมต่อเพลงโปรดจากมือถือของเราเองก็ได้ ทั้งยังมีแผ่นซีดีที่เป็นเพลย์ลิสต์ของทาง Aleenta เอง เป็นเพลงที่เลือกมาแล้วว่าดีต่อการบำบัด และที่วางข้างๆ ก็จะเป็นไอแพดไว้ใช้สำหรับติดต่อพูดคุยกับพนักงาน จองสปา จองกิจกรรมในรีสอร์ท สั่งอาหารมาทานที่ห้อง เป็นต้น ขณะที่ในตู้เสื้อผ้ามี beach bag ทำจากหวาย สลิปเปอร์ เสื่อโยคะ และชุดคลุมอาบน้ำที่ทำจากคอตตอนเนื้อดี ใส่นุ่มสบาย

สิ่งที่เราชอบก็คือห้องพักที่นี่มีจำนวนไม่เยอะ แค่ 25 หลังเท่านั้น จึงมีความเป็นส่วนตัว เริ่มตั้งแต่ The Garden Suite, Ocean View Residence, Beachfront Pool Residence, Penthouse, Frangipani Residence และวิลล่าขนาดใหญ่แบบ 2-4 ห้องนอน แต่ละห้องจะตกแต่งด้วยเลย์เอาท์ที่ไม่เหมือนกันเลย เมื่อลูกค้ากลับมาพักซ้ำในห้องใหม่ ก็จะรู้สึกถึงบรรยากาศใหม่ๆ

Best Sustainable Hotel (Thailand) สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญ

หนึ่งในกิมมิกที่ทางรีสอร์ทภูมิใจนำเสนอเลยก็คือ Organic Farm ซึ่งเราสามารถนั่งรถของทางรีสอร์ทไปเยี่ยมชมได้ นอกจากจะปลูกผักนานาชนิดแบบออร์แกนิก มีโรงเห็ด ซึ่งเขานำมาใช้ปรุงอาหารให้แขกได้รับประทาน ก็ยังเลี้ยงไก่อารมณ์ดีกว่า 10 ตัว ทุกเช้าจะมาเก็บไข่ได้ราววันละ 20 ฟอง และถ้าหากต้องใช้วัตถุดิบอื่นๆ เพิ่มเติม ก็จะสั่งซื้อจากเกษตรกรในท้องถิ่น ทำให้แน่ใจได้ในความสดใหม่ แถมการปรุงอาหารของที่นี่ก็ยังเน้นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นแบบ Carbon Free Cooking ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน

เช่นเดียวกับการงดใช้พลาสติก ไม่ว่าจะเป็น amenities ในห้องพักที่ทำจากธรรมชาติ 100% ไม่ใส่น้ำหอม โดยบรรจุอยู่ในขวดเซรามิกหรือขวดแก้วแทนขวดพลาสติก มีสลิปเปอร์ทำจากผ้าฝ้ายที่ซักทำความสะอาดมาเป็นอย่างดีเพื่อการใช้ซ้ำที่มีประสิทธิภาพและลดขยะ ขวดน้ำบรรจุในขวดแก้ว ขณะที่ห้องอาหารจะเสิร์ฟเครื่องดื่มด้วยหลอดจากวัสดุธรรมชาติแทนหลอดพลาสติก

ต่อด้วยการจัดการน้ำภายในรีสอร์ทอย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำน้ำใช้แล้วหรือน้ำที่เหลือในขวดจากการดื่มไม่หมดไปใช้รดน้ำต้นไม้ ส่วนระบบการทำน้ำอุ่นก็จะใช้ความร้อนจากแอร์เพื่อทำให้น้ำร้อน และแม้แต่การแนะนำนักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสความเป็นท้องถิ่นและสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง อลีนตาก็จะไม่สนับสนุนการท่องเที่ยวที่ใช้ประโยชน์จากสัตว์หรือมีการทรมานสัตว์ในระหว่างการฝึก อย่างช้าง โลมา เสือ แต่เลือกสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง เขาสามร้อยยอด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นระบบนิเวศท้องถิ่น ความหลากหลายของสายพันธุ์พืชและสัตว์ และตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

อาหารเช้าที่หลากหลาย ทั้งสวยน่าทาน แถมดีต่อสุขภาพ

ห้องอาหารของทางรีสอร์ท Aleenta Restaurant อยู่ชั้น 2 ของตึกล็อบบี้ เป็นแบบ all day dining เริ่มจากมื้อเช้า ประทับใจที่เขายกชุดอาหารเช้า 3 ชั้นมาเสิร์ฟเราก่อน เป็นผลไม้สด ขนมปัง ครัวซองต์ แยม โดยเราสามารถไปหยิบน้ำผลไม้ โยเกิร์ต นม และซีเรียลได้เองเพิ่มเติม ก่อนจะสั่งอาหารแบบ a la carte โดยมีเมนู wellness breakfast โดยเฉพาะ เช่น Chai breakfast smoothie, Berry rice milk, coconut yoghurt bowl, Aleenta Homemade granola, gluten-free pancake เป็นต้น ใครชอบอาหารไทย สามารถเลือกข้าวต้มหมู/ไก่/กุ้ง ไข่เจียวออมเล็ต ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ส่วนอาหารตะวันตกก็จะเป็นพวกเฟรนช์โทสต์ แพนเค้ก วาฟเฟิล Shakshoka, Eggs benedict

ดินเนอร์จะมีเมนูอาหารญี่ปุ่นให้เลือกเพิ่มด้วย รวมถึงอาหารใต้อย่างแกงปูใบชะพลู ขนมจีน และความเก๋ก็คือทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็น เราสามารถเลือกให้เขามาเสิร์ฟถึงห้องได้ เขาก็จะเนรมิตโต๊ะด้านหน้าวิลล่าของเราให้เต็มไปด้วยอาหารแสนอร่อย

กิจกรรมสุดชิลของคนรักธรรมชาติ

กิจกรรมของที่นี่ส่วนใหญ่อยู่ที่ฝั่ง Frangipani นอกจากสระว่ายน้ำที่หันออกฝั่งทะเลแล้ว ยังมีจักรยานเตรียมไว้ให้แขกเอาไปปั่นออกกำลังกายได้ และยังมีร้านขายของเล็กๆ ที่ชื่อ Aleenta’s Living & Farmers market ให้เราเลือกช็อปผักออร์แกนิกที่ทางรีสอร์ทปลูกเอง สบู่ แชมพู ครีมอาบน้ำกลิ่นต่างๆ เครื่องหอมกลิ่นเอกลักษณ์ของอลีนตา ส่วนใกล้ๆ กันเป็นคาเฟ่ที่ตกแต่งได้น่ารักมาก มานั่งทานชากาแฟในยามบ่ายตรงนี้ได้ หรือจะให้เขาไปเสิร์ฟที่บีชคาเฟ่ตรงริมหาดก็ได้

ที่ว้าวที่สุดคือ Ayurah Spa สปาทั้งแบบในห้องปิด และห้องที่เปิดโล่งรับลมทะเล เราชอบแบบที่ 2 มากกว่าเพราะด้วยเส้นสายของห้องที่ออกแบบคดโค้งมันดูกลมกลืนไปกับโค้งของชายหาด แถมเวลานอนคว่ำหน้า ปกติสปาที่อื่นจะเอาดอกไม้มาวางไว้ที่พื้นด้านล่าง แต่ที่นี่เป็นทรายและเปลือกหอยสวยๆ เต็มไปหมด แนะนำให้ลองโปรแกรมที่ช่วยคลายเครียดเรื่องของออฟฟิศซินโดรม จะเป็นการผสมผสานการบำบัดทั้งการนวดไทย การบำบัดด้วยกลิ่น และน้ำมันหอมเข้าด้วยกัน บอกเลยว่าราวกับขึ้นสวรรค์

ช่วงเย็น สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือการออกไปดูพระอาทิตย์ตกและท้องฟ้าสีวานิลลา ในบรรยากาศเรียบง่ายที่สวยงาม ทุกคนที่มาเที่ยวปราณบุรีเหมือนจะมาหาความสงบ แต่ที่จริง มันคือความสงบในจิตวิญญาณของเราเองต่างหาก ที่พาเรามาสัมผัสพลังของธรรมชาติที่นี่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aleenta Hua Hin – Pranburi หรือจองที่พักได้ที่ https://www.aleenta.com/huahin/ และดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Small Luxury Hotels ได้ที่ https://slh.com

นักเขียน/นักดนตรี ที่นอกจากเล่นเชลโลแล้ว ยังชอบออกเดินทางคนเดียวอยู่เสมอๆ มิวเซียม ตลาดของเก่า ร้านกาแฟ และเมืองที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมเก่าแก่คือสถานที่ที่เธอชอบไป

Leave a Reply