เมืองริมทะเลสาบที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรียอย่าง ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ได้ชื่อว่ามีบรรยากาศที่สวยงามติดอันดับโลก ด้วยแลนด์สเคปที่มีเทือกเขาแอลป์โอบล้อม มีสถาปัตยกรรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ดูน่ารักสดใส แม้จะเป็นเมืองเล็กนิดเดียว แต่นักท่องเที่ยวมากันไม่ขาดสาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากฝั่งเอเชีย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000034004_Hallstatt_Oesterreich-Werbung_Sebastian-Stiphout_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ปลายเดือนพฤษภาคม เราได้มีโอกาสมาที่นี่เป็นครั้งแรก ซึ่งต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีเลยทีเดียวค่ะ เนื่องจากประเทศต่างๆ เพิ่งคลายกฎการเดินทางจากโควิดใหม่ๆ นักท่องเที่ยวเลยยังไม่เยอะ ยังไม่มีทัวร์มาลง เราก็เลยได้มุมถ่ายรูปที่เห็นวิวปังแบบไม่มีอะไรมากั้น อย่างวิวโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt จะเป็นวิวที่มักเห็นในโปสการ์ด ใครมาเที่ยวก็ต้องถ่ายมุมนี้
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3480_442x600.jpg?resize=442%2C600&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000034010_Hallstatt_Oesterreich-Werbung_Sebastian-Stiphout_450x600.jpg?resize=450%2C600&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1309_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
อีกเหตุผลหนึ่งของความเหมาะเจาะในการมาเที่ยวช่วงเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นปลายช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใส ดอกไม้บาน เดินเล่นได้อย่างสบายใจและอิ่มเอมมากๆ แต่ที่จริงแล้วเราสามารถมาเที่ยวฮัลล์สตัทท์ได้หลายช่วงเลยนะคะ เพราะแต่ละฤดูกาลก็มีความงามแตกต่างกันไป ใครอยากได้โทนฟ้าจัดๆ ก็ต้องมาช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ (มีนาคม-พฤษภาคม) และถึงแม้จะเลยไปถึงช่วงฤดูร้อน ที่นี่ก็ไม่ได้ร้อนมากค่ะ แต่ถ้าอยากได้โทนวอร์มๆ หน่อย ก็ต้องมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ซึ่งก็จะเห็นใบไม้รอบๆ เมืองกำลังผลัดสี เป็นส้ม น้ำตาล
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3421_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1316_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1314_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
หรือถ้าคนที่ชอบฟีลแบบ snow อยากจะมาตอนฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ถ้าทนอากาศหนาวไหว ก็จะได้เห็นเทือกเขาแอลป์ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว อลังการมากๆ ขณะที่ในโซนหมู่บ้านเขาก็จะตกแต่งต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส น่ารักเหมือนในเทพนิยาย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1271_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
ครั้งนี้เรามาเที่ยว Hallstatt แบบเดย์ทริป โดยเดินทางจากเมืองซาลส์บูร์ก (Salzburg) ด้วยรถบัส ซึ่งถือว่าเร็วกว่ารถไฟนิดหน่อย รวมแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที
9.15 ขึ้นรถบัสสาย 150 ที่ Sudtiroler Platz Bus Terminal ช่องจอดรถบัสอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟหลักของเมือง Salzburg Hbf (สามารถซื้อตั๋วที่คนขับหรือตู้ขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีก็ได้) ค่ารถบัส 12 euro
- ดูตารางเวลารถบัสได้ที่ https://l4r4vqyd4a42fca2325wc6zk-wpengine.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/2018/11/Salzburg-Bus-150-Timetable.pdf
11.24 ถึง Hallstatt Train Station
11.30 ขึ้นเรือเฟอร์รี่ไปยัง Hallstatt (ไปกลับคนละ 7 euro)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1272_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
การเดินทางไม่ต้องกลัวหลงเลย เพราะคนมาเที่ยวฮัลล์สตัทท์กันเยอะมาก ถ้าขึ้นรถบัสได้แล้ว ที่เหลือก็แค่เดินตามฝูงชนไป ทุกคนไปขึ้นรถไฟขบวนเดียวกัน และเรือลำเดียวกันทั้งนั้นค่ะ เราเองก็ได้เจอเพื่อนใหม่ระหว่างเดินทาง เป็นแอร์โฮสเตสจากดูไบ มาเที่ยวคนเดียวเหมือนกัน เลยได้นั่งเมาท์กันไปตลอดทาง แล้วก็โชคดีที่มีคนถ่ายรูปให้ซะงั้น
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1273_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1319_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
เมืองฮัลล์สตัทท์ก็เล็กอย่างที่เขาว่าจริงๆ ค่ะ เดินแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ครบหมดแล้ว แต่เสน่ห์ของมันคือการมาใช้เวลาเรื่อยเปื่อยแบบไม่ต้องรีบเร่งนี่แหละ ได้ปล่อยให้ลมเย็นจากแถวทะเลสาบมาปะทะหน้า นั่งมองฝูงหงส์ว่ายน้ำ แล้วก็ไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน นั่งกินอะไรอร่อยๆ ที่ร้านอาหารริมทะเลสาบ ในช่วงเวลาที่สงบเงียบแบบนี้ ก็ฟินแล้ว
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1284_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1321_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1322_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3429_800x600-rotated.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
จุดที่ควรต้องไป นอกจากวิวที่มองเห็นโบสถ์แล้ว ก็จะมีจัตุรัสกลางเมือง Townsquare อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ก่อนจะไปเดินดูบ้านน่ารักๆ ที่เป็นบ้านไม้อัลไพน์เหมือนในนิทาน หาไอศกรีมกินสักถ้วย แล้วก็แวะร้านขายของที่ระลึก มีของน่ารักขายเพียบเลย เราเจอน้องแมวตัวนี้ที่หน้าร้านด้วย
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3433_800x600-rotated.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3434_800x600-rotated.jpg?resize=600%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1276_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1277_800x450-rotated.jpg?resize=450%2C800&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1279_800x450-rotated.jpg?resize=450%2C800&ssl=1)
อีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนมักจะมาทำกันที่ Hallstatt ก็คือการเข้าเหมืองเกลือ ซึ่งเราต้องนั่งรถราง (Funicular) ขึ้นไป จากสถานี Salzbergbahn Hallstatt อยู่ไม่ไกลจากจุดจอดรถบัสหลักของเมือง
- เช็คเวลาให้บริการของเหมืองได้ที่นี่ https://www.salzwelten.at/en/hallstatt/prices-opening-times/
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3451_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
ราคาขึ้น Funicular จะมีให้เลือกว่าจะขึ้นไปเดินชมวิวอย่างเดียว หรือจะเข้าเหมืองเกลือด้วย ซึ่งการเข้าเหมืองเกลือต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร ถ้าหากมีเวลาพอ ก็ซื้อตั๋วรวมไปเลย จะได้ราคาที่ถูกกว่า แต่ถ้าคนที่มีเวลาไม่เยอะ ซื้อตั๋วเฉพาะ Funicular ไปกลับก็ได้ แค่ขึ้นไปชมวิว Hallstatt ในมุมสูงก็คุ้มมากๆ แล้วค่ะ
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1324_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/IMG_3458_800x600.jpg?resize=640%2C480&ssl=1)
เมื่อขึ้นรถรางมาถึงด้านบนแล้ว จะมีจุดเที่ยวหลักๆ ได้แก่ Rudolf’s Tower ที่สมัยก่อนเขาใช้เป็นป้อมปราการ แต่ปัจจุบันทำเป็นร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว จากตรงนั้นให้เดินต่อมายัง Skywalk ซึ่งมองเห็นวิวได้สวยมากๆ ถ้าจะถ่ายรูปต้องรอคิวนานนิดนึงนะคะ เพราะมุมนี้ฮอตมาก และสุดท้ายคือเหมืองเกลือ Salzwelten Hallstatt ที่ถือว่าเป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ จาก Skywalk ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกราวๆ 15 นาที แต่ก็มีเก้าอี้ข้างทางให้นั่งพักเป็นระยะ (เรานั่งทุกเก้าอี้ที่ผ่านเลยค่ะ ตอนอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้เดินเยอะแบบนี้ 555)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1327_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/DSCF1325_800x450.jpg?resize=640%2C360&ssl=1)
ถ้าถามว่าทำไมเหมืองเกลือถึงได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของฮัลล์สตัทท์ ก็ต้องบอกว่าเหมืองเกลือ Salzwelten Hallstatt แห่งนี้มีอายุมากกว่า 7,000 ปี มีมาตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาลซะอีก ซึ่งในสมัยก่อน สำหรับประเทศที่ไม่ติดทะเลอย่างออสเตรียนี้ เกลือถือว่าเป็นของมีค่ามาก ถึงขั้นมีคำเรียกเกลือว่า White Gold ความน่าทึ่งก็คือ ในยุคที่ยังไม่มีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีมากมาย คนงานเหมืองเขาต้องอดทนมากๆ เพราะมีเพียงแรงมือแรงกายเท่านั้นที่ใช้ในการขุดเจาะอุโมงค์ทีละนิด ไปได้ลึกถึง 65 กิโลเมตร!
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000113371_Salzkammergut-Salzwelten-Altaussee_Oesterreich-Werbung_Cross-Media-Redaktion_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000113372_Salzkammergut-Altaussee-Salzwelten_Oesterreich-Werbung_Cross-Media-Redaktion_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
การเข้าชมเหมืองเกลือ Salzwelten จะแบ่งตารางเวลาเป็นรอบๆ และเขาจะมีเจ้าหน้าที่นำชมพร้อมอธิบายความเป็นมา ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ด้านในเราได้พบประวัติศาสตร์มากมาย รวมทั้งโครงกระดูกของคนงานทำเหมือง ที่สันนิษฐานกันว่า ชายคนนี้มีอายุราวๆ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ด้วยคุณสมบัติการเก็บรักษาของเกลือทำให้โครงกระดูกยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ตรงทางออกของเหมืองจะมีสไลเดอร์ที่คนงานเหมืองเคยใช้จริงๆ ให้เราได้ลองนั่งลื่นลงมา เรียกความตื่นเต้นสักเล็กน้อย
- จองตั๋วออนไลน์สำหรับชมเหมืองเกลือได้ที่ https://www.salzwelten.at/en/hallstatt/mine/
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000113382_Salzkammergut-Altaussee-Salzwelten_Oesterreich-Werbung_Cross-Media-Redaktion_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
![](https://i0.wp.com/www.lavieenroad.com/wp-content/uploads/2022/06/LOWRES_00000113381_Salzkammergut-Altaussee-Salzwelten_Oesterreich-Werbung_Cross-Media-Redaktion_800x534.jpg?resize=640%2C427&ssl=1)
พอถึงช่วงเย็นย่ำ เราต้องรีบกลับมาขึ้นเรือเฟอร์รี่ให้ทัน เพราะเรือรอบสุดท้ายมีถึงแค่ 18.15 แต่ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศช่วงเย็นของการล่องเรือนั้นดีสุดๆ ด้วยแสงอาทิตย์ของฤดูใบไม้ผลิที่ยังคงสาดส่อง ทำให้ความประทับใจในการมาเยือนเมืองเล็กๆ แสนโรแมนติกแห่งนี้ จะตราตรึงไปอีกนาน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว Hallstatt ได้ที่ https://www.facebook.com/faszinationsalzwelten และการท่องเที่ยวออสเตรียได้ที่ https://www.austria.info/en