เราไปเที่ยวฮ่องกงในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2024 ถือว่าเป็นครั้งแรกหลังจากโควิด มาคราวนี้รู้สึกทุกอย่างที่นี่แพงขึ้นไปหมด แต่ได้ตั๋วโปรจาก Hong Kong Airline มาก็ถือว่าไม่แย่ แถมยังเจออากาศเย็น อุณหภูมิ 17-20 องศาเซลเซียส สามารถแต่งตัวได้เหมือนเที่ยวยุโรปนิดๆ เหมาะที่จะเดินเที่ยวได้สบายมาก เราก็เลยมีแพลนเที่ยวฉบับ 3 วันมาแจก เผื่อว่าจะเป็นไอเดียให้ใครที่กำลังแพลนไปฮ่องกงในปีนี้

ที่เที่ยวฮ่องกง

1. กระเช้าลอยฟ้า Ngong Ping 360 & หมู่บ้านชาวประมง Tai O

ที่นี่เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นการเที่ยวฮ่องกงก็ว่าได้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน สามารถนั่งรถบัส S1 มาลงที่ Tung Chung ไฮไลท์ของนองปิงคือการขึ้นกระเช้าพื้นใสหรือ Crystal Cabin ที่มองเห็นวิวได้ 360 องศา ด้านบนจะได้พบกับหมู่บ้านนองปิง (Ngong Ping Village) สองข้างทางเป็นร้านค้าขายของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งเป็นทางเดินผ่านขึ้นไปไหว้พระใหญ่ที่ยอดเขาด้านบน แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ไปก่อน จะได้ไม่ต้องต่อคิวยาว (ใครมีกระเป๋าเดินทางมาก็มีที่ฝากกระเป๋าที่ City Gate เป็น outlet ที่อยู่ใกล้ๆ

Crystal Cabin มองเห็นวิว 360 องศา

หากใครพอมีเวลา แนะนำให้ไปเที่ยวหมู่บ้านชาวประมง (Tai O Fishing Village) ซึ่งสามารถนั่งรถบัสไปได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น ก็จะได้พบอีกบรรยากาศหนึ่งที่ได้ฉายาว่าเป็น ‘เวนิสแห่งฮ่องกง’ เป็นตลาดของหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ท่ามกลางภูเขาและทะเล ยังรักษาวิถีชีวิตเดิมๆ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เราจะเห็นบ้านที่เป็นเพิงลอยน้ำไปจนถึงบังกะโล เหมาะแก่การเดินเล่น แล้วยังเหมาะแก่การกินด้วย เพราะของทะเลที่นี่สดมาก หรือใครจะซื้อแบบของทะเลตากแห้งกลับบ้านไปก็มีให้เลือกหลายร้าน และที่ตรงจุดใกล้สะพานแขวน ยังมีเรือเล็กให้นั่งออกทะเลไปชมโลมาสีขาวได้ด้วย

2. M+ (เอ็มพลัส) พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ใหม่และใหญ่ที่สุดของฮ่องกง

สายอาร์ตต้องห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเอ็มพลัสถือว่าเป็นอาร์ตมิวเซียมที่ฮอตที่สุดในเอเชียตอนนี้ ที่นี่เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อปี 2021 เป็นส่วนหนึ่งของ West Kowloon Cultural District พื้นที่ถมใหม่บนฝั่งเกาลูน ที่รัฐบาลฮ่องกงตั้งใจให้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมใหม่ และที่ต้องใช้ชื่อพลัส เพราะเขาเป็นมากกว่ามิวเซียม เรียกว่ามีกิจกรรมทางศิลปะและกิจกรรมความคิดสร้างสรรค์มากมายเต็มไปหมด

การออกแบบตัวตึกเป็นแบบโมเดิร์น เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจมาก ผลงานของสตูดิโอสัญชาติสวิส  Herzog & de Meuron เขาทำด้านในเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เปิดโล่ง ตัดความนิ่งของสัจวัสดุด้วยเส้นสายทั้งตรงและโค้งที่ถูกออกแบบอย่างชาญฉลาด ห้องจัดแสดงงานแบ่งสเปซได้น่าทึ่ง แค่ชั้น 2 ก็จัดแสดงได้พร้อมกันหลาย exhibition เดินกันเป็นชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะดูครบ แถมยังเล่นกับแสงธรรมชาติให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ ช่วยขับงานศิลปะให้โดดเด่นขึ้นอีกด้วย

M+ เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) 10.00-18.00น. (เฉพาะวันศุกร์ปิด 22.00น.) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mplus.org.hk/en/

3. เดินตลาดท้องถิ่น

Jardine’s crescent market ตลาดเล็กๆ กลาง Causeway bay มีร้านอาหารโนเนม ขนม เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น 6.00-20.00

Temple Street ลงสถานี Jordan มีฝั่งของกินและฝั่งของที่ระลึก เหมาะไปเดินช่วงกลางคืนเพราะเปิดถึง 22.00

Temple Street

Cat street อีกชื่อคือถนน Upper Lascar Row ตลาดขายของเก่าสไตล์จีน 11.00-18.00 ลงสถานี Central

ร้านอร่อยฮ่องกง

1. Wing Kee ที่ Causeway Bay

ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มาจากร้านรถเข็นแต่ขายดีมาก จนกลายเป็นร้านห้องแถวหลายสาขา แต่เราแนะนำสาขา Causeway Bay จุดเด่นคือน้ำซุปสไตล์ต้มพะโล้อ่อนๆ และเส้นที่หลากหลายให้เราเลือกแมตช์เองได้ เราเลือกบะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม ใส่เกี๊ยวและลูกชิ้นลูกใหญ่ เป็นลูกชิ้นเอ็น หนึบและหอมมาก ใครชอบเครื่องในเขาก็มีกระเพาะหมู หนังหมู ลูกชิ้นปลา เลือด จัดเต็มแล้วแต่เราเลย

ลงสถานี Causeway bay ทางออก E ร้านเปิดทุกวัน 11.30-22.00

2. Master congee ที่ Tsim Sha Tsui

Master Congee

ร้านโจ๊กชื่อดังบนถนน Cameron ในย่าน Tsim sha Shui เนื้อเนียน มีหมูบด ไข่ ต้นหอมนิดๆ ปาท่องโก๋ตัวบิ๊กเบิ้ม นอกจากนี้ก็มีก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้ง ซาลาเปาทอดโรยงา กุ้งกรอบเนื้อแป้งก๋วยเตี๋ยวนุ่มราดน้ำซอสเค็ม เปิดตั้งแต่เช้าถึงดึก

3. Bakehouse ร้านเบเกอรี่เจ้าดัง

Bakehouse สาขา Causeway Bay

ถ้าจะซื้อ sourdough egg tart ต้องมาร้านนี้ เพราะเป็นซิกเนเจอร์โดดเด่นด้วยแป้งหอมนุ่ม มีสาขาที่ Central, Wan Chai, Tsim Sha Tsui, Stanley, Causeway Bay ร้านเป็นแบบต่อแถวซื้อใส่กล่อง take away ไม่มีที่ให้นั่งทาน แต่มาทีไรก็เห็นคนต่อคิวเยอะทุกที ถ้าใครไปช่วงดึกอาจจะอกหักเพราะทาร์ตไข่หมดซะก่อน นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่น่าทานอีกมากมาย เช่น พายไก่ โดนัท คุ้กกี้ เดนิชสตรอเบอรี่ รวมไปถึงเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกาแแฟ

4. Hee Kee Cart Noodle ย่านจอร์แดน

ร้านบะหมี่ย่านจอร์แดน อยู่ใกล้กับตลาด Temple street จุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปใสรสชาติถึงใจ สามารถปรุงซอสเพิ่มได้ตามใจ เส้นบะหมี่ก็เหนียวนุ่มอร่อย แนะนำให้ใส่ปีกไก่ ปลาหมึกม้วน และเกี๊ยวปลา

5. Lan Fong Yuen ร้านชาฮ่องกงในตำนาน

ร้านชานมฮ่องกงในตำนาน อยู่ในย่าน Central เละ Tsim Sha Shui ร้านตกแต่งแบบย้อนยุค ปูพื้นกระเบื้องลายโบราณ ได้ฟีลฮ่องกงยุคเก่าและสัมผัสได้ถึงวัฒนธรรมการดื่มชาของคนที่นี่ มีชื่อเรียกว่า Cha Chaan Teng แปลว่าร้านชา เปรียบได้เหมือนกับ coffee shop ของฝั่งตะวันตก

ร้านชานมฮ่องกง Lan Fong Yuen สาขา Central

เมนูเด่นแน่นอนว่าต้องเป็นชานมฮ่องกง ที่รสชาติจะติดขมที่ปลายลิ้นนิดหน่อย เสิร์ฟมาแบบไม่ใส่น้ำตาล แต่ถ้าใครชอบหวานก็เติมน้ำตาลได้ อย่าลืมสั่งเฟรนช์โทส ขนมปังชุบไข่ทอด มาทานคู่กัน นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารกลางวันอย่าง Lo Ding บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดกับพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ

เที่ยววัดขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์

1. วัดหม่านโหมว (Man Mo Temple)

วัดที่มีขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดบนเกาะฮ่องกง อยู่ย่าน Sheung Wan คนนิยมไปขอพรเรื่องการเรียน การสอบ การเลื่อนขั้น สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1847 สมัยราชวงศ์ชิง โดยพ่อค้าจีน ก่อนจะถูกขึ้นทะเบียนเป็นอาคารประวัติศาสตร์ในช่วงปี 2009 และยังได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นอนุสรณ์สถานของฮ่องกง ภายในวัดจะมีเทพเจ้าหมั่นไตกวั้น (Man) เป็นเทพแห่งตัวอักษร ถือปากกาอยู่ในมือ และเทพเจ้าโหมวไตกวั้น (Mo) เทพด้านบู๊ เทพเจ้ากวนอู หรือเทพแห่งสงคราม ในมือจะถือมีด จุดเด่นของวัดนี้คือขดธูปขนาดใหญ่ ที่แขวนเรียงรายอยู่ภายในด้านบนเพดาน ว่ากันว่าธูปแต่ละวงที่จุด จะใช้เวลาประมาณ 3 อาทิตย์ถึงจะไหม้หมด ซึ่งแน่นอนว่าเข้าไปในวัดจะได้กลิ่นธูปค่อนข้างแรงและแสบตา ใครมาเที่ยวที่นี่อย่าลืมพกหน้ากากมาด้วย

เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. สามารถเข้าชมได้ฟรี

เดินทางโดยรถไฟฟ้า MTR ลงที่สถานี Sheung Wan ทางออก A2 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 400 เมตร

2. วัดแชกง (Sha Tin Che Kung temple)

วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหัน เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี รูปปั้นองค์แชกงถูกสร้างเพื่อระลึกถึง นักรบแชกง นักรบฝีมือดีในราชวงศ์ซ่ง ที่คอยปราบศึกศัตรูที่เข้ามารุกรานดินแดนทางเกาะฮ่องกงให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นจึงเชื่อกันว่าใครได้มาไหว้ขอพร ก็จะได้รับโชคดีในเรื่องการเงิน การงาน ภายในวัดมีพิธีปลุกเสกเรียกเงิน เรียกทองเข้ามาในกระเป๋าสตางค์ต่างๆ พอเสร็จพิธีจะได้ซองใส่ผงธูปกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกไว้คอยบูชา

อีกทั้งยังมีความเชื่อว่า ถ้าได้มาหมุนกังหันลมที่วัดแห่งนี้ จะสามารถปัดเป่าเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ ทำอะไรก็ราบรื่นดังกังหันลม ถ้าชีวิตไม่ค่อยราบรื่นให้ใช้มือซ้ายหมุนด้านซ้ายไปขวา แต่ถ้าชีวิตราบรื่นดี และอยากให้รุ่งเรืองเพิ่มขึ้นให้หมุนกังหันกลับจากขวาไปซ้าย 

เดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน MTR นั่งสาย Ma On Shan (สายสีน้ำตาล) มาลงที่สถานี Che Kung Temple ให้ออกทางออก Che Kung Temple แล้วเดินประมาณ 10 นาที 

3. พระใหญ่นองปิง (Tian Tan Buddha)

พระใหญ่ที่นองปิงหรือพระพุทธรูปเทียนถาน สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1993 และกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของพุทธศาสนาในฮ่องกงในปัจจุบัน ตั้งอยู่ใน “หมู่บ้านนองปิง” (Ngong Ping Village) เขตที่ราบสูงทางตะวันตกของเกาะลันเตา (Lantau Island) เกาะบริวารของฮ่องกง ซึ่งเราจะต้องขึ้นเคเบิลคาร์ ระยะทาง 5.6 กิโลเมตร ข้ามผืนน้ำทะเล และทิวเขาสลับซับซ้อน พระพุทธรูปสำริดขนาดมหึมาองค์นี้ เป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงของฮ่องกง ความรุ่งเรืองของจีน และสันติภาพบนโลก ชาวฮ่องกงเชื่อว่า หากใครได้มาสักการะองค์พระใหญ่แห่งวัดโป๋หลินแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความโชคดี มีความสุขสมหวัง และประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน

4. วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple)

เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ‘วัดด้ายแดง’ ตั้งอยู่ในย่าน Mong Kok ของฮ่องกง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเซนที่งดงาม และสงบเงียบ ใบไม้ใบหญ้าได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน 

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าหวังต้าเซียน เทพเจ้าแห่งโชคลาภ สุขภาพ และความรัก ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่สถิตของเทพเจ้าหลายองค์ ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าหวังต้าเซียน, เจ้าแม่กวนอิม, เจ้าที่, ขงจื๊อ และ ‘หยุคโหลวหรือเยวี่ยเหล่า(月老)’ เทพเจ้าที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคงและการแต่งงาน ชาวจีนเชื่อว่าด้ายแดงคือเส้นโยงโชคชะตาด้านความรัก และไม่ว่าจะโสดหรือมีคู่แล้วก็สามารถมาขอพรได้ หากโสดอยู่ก็จะนำพาให้เจอเนื้อคู่ และหากมีคู่แล้วก็จะทำให้ความรักมั่นคงยืนยาว

จุดถ่ายรูปสุดฮิป สำหรับเหล่าอินสตาแกรมเมอร์

1. Montane mansion

Montane Mansion

ตึกสูงแห่งนี้ คือ Montane Mansion หรือ Yick Fat Building โดดเด่นเป็นตึกรูปตัว m เต็มไปด้วยห้องพักนับพันห้อง เรียงรายติดกันอย่างหนาแน่น บนความสูงของตึกเกือบ 20 ชั้น ใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายหนังเรื่อง Transformers 4: Age of Extinction ที่ฉายในปี ค.ศ. 2014 เป็นฉากต่อสู้ที่ตื่นเต้นฉากหนึ่ง นักท่องเที่ยวส่วนมากจะรู้จักตึกนี้ในนาม ตึก Transformers ฮ่องกง มากกว่าชื่อจริงของตึกเสียอีก วิธีเดินทางคือนั่งรถไฟลงที่สถานี MTR Tai Koo (สายสีน้ำเงิน) exit B

2. มุมถ่ายรูปสุดเก๋ที่ข้างร้าน Yue Po Chai Curios Store

จุดนี้อยู่ใกล้กับวัด Man Mo จากหน้าวัดให้เดินมาทางด้านข้าง ตรงมุมถนนที่ตัดระหว่าง Hollywood street และ Ladder Street ก็จะเห็นการตกแต่งอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านขายของแอนทีก Yue Po Chai Curios Store

3. Hong Kong Cultural Centre

Hong Kong Cultural Centre

ตึกสวยโมเดิร์นริมอ่าว Victoria Bay เป็นมุมถ่ายรูปสุดฮิต ณ จุดที่ตึกตั้งฉาก 3 เหลี่ยม เรขาคณิต รวมถึงอยู่ใกล้หอนาฬิกา และตกดึกยังสามารถจับจองที่นั่งเพื่อรับชมการแสดงไฟ Symphony of light ช่วง 20.00น. ของทุกวัน

4. Street art ในย่าน Sheung Wan และ Central

Elgin street ตรงข้างๆ ร้าน Seoul Bros

ย่านเมืองเก่า Old Town Central และ Sheung Wan เป็นจุดหมายอันดับต้นๆ สำหรับสายเที่ยวแกลเลอรี่ เป็นแหล่งร้านอาหาร และร้านค้าวินเทจ  แถมยังขึ้นชื่อเรื่องงานอาร์ทบนผนังตึก ทั้งตึกเก่าและใหม่ซึ่งเป็นเสน่ห์ของย่านนี้ ลองเดินเล่นไปบนถนน Hollywood Rd. / Gough Rd. / Aberdeen Rd. ก็จะได้เจองานอาร์ตหลายๆ จุด ได้แก่ ถนน Elgin ตรงข้างๆ ร้าน Seoul Bros, รูปตึกแถวเรียงกันบนผนังสีฟ้าตรงหัวมุมแยก Graham Street, รูปสาวบราซิลบนผนังร้านอาหาร Uma Nota เป็นต้น

บันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก Central Mid-Levels Escalator

พิกัด MTR สถานี Central หรือ Sheung Wan

แนะนำที่พักฮ่องกง

Leave a Reply